สกน.-ขปส.จี้ “ประยุทธ์” แก้ปัญหาที่ดินทำกินช่วยคนจนและเกษตรกรรายย่อย

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม นำตัวแทนยื่นหนังสือถึง “พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี จี้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาคนจนและเกษตรกรรายย่อย โดยเฉพาะกรณีที่ดินทำกิน เรียกร้องผลักดันนโยบายกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม

วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ประมาณ 30 คน นำโดยนายดิเรก กองเงิน และนายจรัส ใหม่ยศ ที่ปรึกษา สกน.และ ขปส.ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาของคนจนและเกษตรกรรายย่อย

พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดิน และผลักดันให้เกิดนโยบายกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายนาวิน สินธุสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รับหนังสือดังกล่าว

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวที่สมาชิก สกน.และ ขปส.ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และ จ.แม่ฮ่องสอน นัดยื่นพร้อมกันในวันนี้ที่ศูนย์ดำรงธรรมของแต่ละจังหวัด มีข้อเสนอต่อรัฐบาล ได้แก่ ให้ยุติแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อทบทวนและสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการวางแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้

ขณะเดียวกัน ให้กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนงานเพื่อเร่งรัดการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะข้อที่ 9.3 และ 11.5 เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างเป็นรูปธรรม และให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) อย่างเร่งด่วน ตามผลการเจรจาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 57 ซึ่งจะขอรับทราบผลการดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 7 พ.ย. 57

นายจรัสกล่าวว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้เพื่อต้องการที่จะทวงถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยื่นหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้มีการประชุมหารือร่วมกันไปแล้ว แต่ในพื้นที่ยังคงมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่ทำให้ผู้ไร้ที่ทำกินและมีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อนจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเข้าใจว่าเจตนาของ คสช.คือต้องการที่จะปราบปรามนายทุน ผู้มีอิทธิพลและขบวนตัดไม้ทำลายป่า

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการดำเนินการโดยที่ไม่ได้พิจารณาตามสภาพความเป็นจริงและเจตนาของชาวบ้านผู้ยากไร้ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น ซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ก็มีหลายจุดที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบพื้นที่รวมนับหมื่นไร่ จึงอยากให้มีการทบทวนพิจารณาการดำเนินการและเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมด้วยเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย