กาฬสินธุ์ - กกล.รส.เชิญกลุ่มคนอ้างเป็นนักข่าว “ทีนิวส์” ชี้แจงจุดยืนทำข่าวทวงคืนผืนป่า 16,000 ไร่ หลังพบมีการเคลื่อนไหวปลุกปั่นใส่ร้ายกำลัง 3 ฝ่าย ในยุทธการ “อาชาพิทักษ์ไพร” พร้อมเรียกร้องให้เครือข่ายสิทธิมนุษยชนแสดงบทบาทด้วยความโปร่งใส ระวังตกเป็นเครื่องมือนายทุนรุกป่าภูพาน
ตามที่จังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) จังหวัดกาฬสินธุ์ ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าภายใต้แผน “อาชาพิทักษ์ไพร” สามารถยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูพาน อ.สามชัย คืนมาได้แล้ว 16,000 ไร่ ล่าสุดเกิดปัญหามีกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นนักข่าว และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ามาเคลื่อนไหวปกป้องกลุ่มนายทุน โดยอ้างถึงความยากจนของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากยุทธการดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (7 ต.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.อ.จิรันตน์กฤษณ์ เหลืองจินดา เสนาธิการ กกล.รส.กาฬสินธุ์ น.ส.วิภาดา รัตนโรจนา ประชาสัมพันธ์จังหวัด ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เชิญนายถาวร บุตรศรี ผู้ที่อ้างตัวเป็นหัวหน้าศูนย์สำนักข่าวทีนิวส์ ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมพวกรวม 7 คนเข้ามาทำความเข้าใจการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน หลังมีชาวบ้านอ้างว่าบุคคลกลุ่มนี้เป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวเรียกร้องพื้นที่ทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูพาน ทำให้แผนการทวงคืนผืนป่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะอ้างว่าสื่อมวลชนให้การสนับสนุน
การพูดคุยเน้นการอธิบายแนวทางการทำงานของ กกล.รส. นอกจากนี้ยังได้หารือถึงแนวทางของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เนื่องจากล่าสุดมีหนังสือเรียกร้องให้ทางจังหวัดยุติหรือชะลอการปฏิบัติหน้าที่ทวงคืนผืนป่า ทั้งที่เป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ
พ.อ.จิรันตน์กฤษณ์กล่าวว่า เป็นการทำความเข้าใจ เพราะวันนี้ไม่รู้ว่าคนที่อ้างว่าทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นใครบ้าง แต่หลังจากที่ทำงานทวงคืนผืนป่า นายทุนที่ยืมมือชาวบ้านได้นำสื่อมวลชนเข้าไปปลุกปั่นในพื้นที่ และผลการตรวจสอบพบว่าชาวบ้านที่อยู่เดิมมีความเข้าใจดี แต่ปัจจุบันกลับพบความเคลื่อนไหวไปในทิศทางต่อต้าน ไม่ให้ความร่วมมือกับทางการ
“การทำงานของสื่อมวลชนต้องเป็นกลาง และรายงานข้อเท็จจริง ไม่ใช่เข้าไปปลุกปั่นชาวบ้านให้ออกมาต่อต้าน เพราะแผนอาชาพิทักษ์ไพรเป็นแผนทวงคืนผืนป่าของแผ่นดิน โดยเฉพาะกรณีเห็นต่างของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ควรที่จะลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะหากไม่ตรวจสอบจะตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มนายทุนได้”
พ.อ.จิรันตน์กฤษณ์กล่าวว่า พร้อมที่จะให้ทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบการทำงานของ กล.รส. และกำลังสามฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ เพราะปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูพานใน จ.กาฬสินธุ์ 16,000 ไร่ เป็นเพียงแผนงานแรกเกิด และก็พบว่าเป็นปัญหาที่สะสมมานาน ซึ่งนอกจากป่าสงวนแห่งชาติภูพาน ยังมีอุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก ป่าสงวนแห่งชาติดงแม่เผด ป่าดงระแนง และยังมีอีกมากที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำงาน
“หากยังถูกคนบางกลุ่มเข้าไปปลุกปั่น สร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับชาวบ้านอย่างที่เป็นอยู่ จะทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก และก็จะทำให้โอกาสในการเอาผิดกับเครือข่ายที่โกงชาติกินแผ่นดินไทยหมดไปด้วย”
พ.อ.จิรันตน์กฤษณ์กล่าวว่า กกล.รส.ได้ขอให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดทำหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้สื่อข่าวทีนิวส์ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่าสำนักงานข่าวทีนิวส์ได้ตั้งบุคคลใดเป็นสื่อมวลชนประจำจังหวัดบ้าง เพราะปัญหาการแอบอ้างเป็นสื่อทีนิวส์ได้สร้างความหนักใจให้กับการทำหน้าที่เป็นอย่างมาก