ผู้ว่าฯ เชื่อพม่าปะทะกะเหรี่ยง ไม่กระทบค้าแม่สอด-เมียวดี

ตาก - พ่อเมืองตากเชื่อมั่นเหตุพม่าปะทะกะเหรี่ยงไม่กระทบการค้าแม่สอด-เมียวดี ที่ยอดทะลุ 5 หมื่นล้านต่อปีแล้ว ยันเป็นเรื่องเล็กน้อย เชื่อพม่าแก้ไขได้โดยเร็ววัน

วันนี้ (29 ก.ย.) นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด ที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกองกำลังกะเหรี่ยงประชาธิปไตยฝ่ายพุทธ (Democratic Karen Buddhist Army - DKBA) ว่าเป็นเรื่องภายในของพม่า เชื่อว่ารัฐบาลพม่าจะแก้ไขให้เสร็จสิ้นในเร็ววันนี้

เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลพม่ามีการเจรจากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย และได้แปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF ไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ขัดแย้งกันบ้างเหมือนลิ้นกับฟันแต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกัน ล่าสุดสถานการณ์ก็สงบแล้ว

นายสมชัยฐ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนด่านแม่สอด-เมียวดี จะมีเพียงวันแรกที่ฝ่ายพม่าแจ้งมายังด่านศุลกากรแม่สอด ขอให้แจ้งพ่อค้าผู้ประกอบการไทยระงับการส่งสินค้าข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่าเป็นการชั่วคราวระหว่างที่เหตุการณ์ยังสู้รบกันอยู่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น จากนั้นก็มีการส่งสินค้าตามปกติในช่วงเย็นวันเดียวกัน

“เหตุการณ์นี้นอกจากจะไม่กระทบการค้า-การลงทุน และการท่องเที่ยวชายแดนแม่สอด-เมียวดีแล้ว การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็ไม่มีผลกระทบ ซึ่งไม่ต้องวิตกกังวลเลย แม่สอด-เมียวดียังเป็นประตูการค้าที่สำคัญที่สุด ปัจจุบันมีมูลค่าการค้าชายแดนด่านนี้ทะลุไปกว่าเดือนละ 5,000 ล้านบาทแล้ว และจะเพิ่มเป็นกว่า 50,000-60,000 ล้านในปีนี้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยมีนายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วยนายชัยวัฒน์ วิฑิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัด และภาคส่วนอื่นเข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน

นายจักรมณฑ์กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้ขณะนี้การค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มจะถึง 100,000 ล้านบาทต่อปีในอนาคต ส่วนเรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่หลายภาคส่วนเสนอต้องพิจารณาตามขั้นตอน แต่บางเรื่องก็เริ่มดำเนินการแล้ว

ด้านนายบรรพตกล่าวว่า รัฐต้องรีบประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจโดยด่วน เพราะช้าเกินประเทศไทยจะตกขบวน มีหลายอย่างที่ต้องรีบดำเนินการไปก่อน เช่น สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ที่ทางพม่าพร้อมแล้ว ขณะที่กรมทางหลวงไทยก็ได้ข้อสรุปจากการศึกษาไปแล้ว ซึ่งตอนนี้การค้าชายแดนพัฒนาไปไกลมาก มีมูลค่าการซื้อขายชายแดนสูงขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่านโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ประกาศจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน