อุดรธานี - สุดรันทด! คุณยายวัย 60 ปี สามีชาวอุดรฯ เสียชีวิต ต้องเลี้ยงลูกสา;วัย 22 ปีที่เป็นดาวน์ซินโดรมเพียงลำพัง ขณะที่ญาติสามีไม่ให้พักอาศัยด้วย สุดท้ายหมดที่พึ่งต่อรถเข็นหอบลูกสาวใส่รถ เดินเท้ามุ่งหน้าลงกรุงเทพฯ หาญาติพี่น้องที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
รายงานข่าวจาก จ.อุดรธานีแจ้งว่า ที่บริเวณถนนมิตรภาพ อุดรธานี-ขอนแก่น กม.23 บ้านแม่นนท์ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี มีหญิงชรานำลูกสาววัย 22 ปี ซึ่งป่วยด้วยอาการดาวน์ซินโดรม ใส่รถเข็นไปตามถนนมิตรภาพ มุ่งหน้า อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
โดยนางพรพิมล ฤาโอภาส อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 6 ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เดิมเป็นชาวกรุงเทพฯ ได้พบรักกับนายสุรัตน์ เกียรติประเสริฐ ชาวอุดรธานี ซึ่งลงไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2535 จนมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน คือ น.ส.รัตนา เกียรติประเสริฐ ตอนนี้อายุ 22 ปี แต่มีอาการดาวน์ซินโดรม จนปี 2540 สามีได้พาครอบครัวย้ายกลับมาที่บ้านเกิด หมู่ 6 ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี และได้สร้างบ้านอยู่ในที่ดินของพ่อแม่สามี
สามีได้ออกไปทำงานรับจ้าง ส่วนตนต้องเลี้ยงดูลูกสาวอยู่ที่บ้าน ต่อมาปี 2549 สามีได้เสียชีวิตจากโรคตับแข็ง เนื่องจากดื่มสุราหนัก จากนั้นตนต้องออกไปทำงานหารับจ้าง ก่อสร้างทั่วไปตามต่างอำเภอ กินนอนอยู่ตามไซต์งานกับผู้รับเหมาหลายปี โดยหอบลูกสาวไปด้วย แต่ก็ทำได้ไม่นาน เนื่องจากมีภาระต้องดูแลลูกสาว ตนจึงถูกให้ออกจากงาน หลังจากนั้นต้องอาศัยเก็บขยะขายเพื่อหาเงินมาประทังชีวิตตัวเองและลูกสาว
ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนและลูกสาวได้กลับมาบ้านที่ จ.อุดรธานี แต่บ้านซึ่งเคยอยู่กับสามีได้ถูกรื้อไปแล้ว ด้านญาติสามีไม่ยอมให้อยู่ด้วย เพราะสามีเป็นแค่ลูกที่เก็บมาเลี้ยงเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิในมรดกของพ่อแม่ ตนไปขอความช่วยเหลือจาก อบต.ให้ช่วยสร้างบ้านให้ แต่ อบต.บอกว่าตนไม่มีที่ดิน จึงสร้างบ้านให้ไม่ได้ จึงตัดสินใจนำเงินที่เก็บรวบรวมไว้ 2,400 บาทจ้างช่างต่อรถเข็น ตระเวนเก็บของเก่าขายเลี้ยงลูdแบบค่ำไหนนอนนั่น
กระทั่งคิดได้ว่าตนมีญาติอยู่ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงตัดสินใจเดินทางไปหาญาติ โดยขอขึ้นรถไฟฟรี แต่ถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่รถไฟว่าไม่สามารถนำรถเข็นขึ้นรถไฟไปได้ เนื่องจากรถเข็นมีความยาวมากเกินไป จึงตัดสินใจเดินเท้า โดยนำลูกสาวใส่รถเข็นเข็นไปเรื่อยๆ จุดหมายที่ อ.ปากเกร็ด โดยออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน แบบค่ำไหนนอนนั่น นอนตามปั๊มน้ำมัน ป้อมตำรวจ และหน้าบ้านของชาวบ้าน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงวันนี้ได้ 4 วันมีเงินติดกระเป๋าแค่ 40 บาท จึงต้องเก็บของเก่าขายได้วันละไม่กี่บาท ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปซื้ออาหารและน้ำ ทั้งนี้เมื่อไปถึงอำเภอปากเกร็ดคิดว่ามีญาติพี่น้องที่อยู่ที่นั่นคงพอพึ่งพาได้ และน่าจะหาเงินเลี้ยงชีพได้ง่ายกว่า คงจะไม่อดตายกับลูกแน่นอน