ศูนย์ข่าวศรีราชา - ถมทะเลหาดพัทยาคืบ เจ้าท่าฯ ระบุงบผูกพันผ่าน พร้อมว่าจ้างผู้รับเหมาแล้ว รอเพียงผล คสช.ตรวจสอบความโปร่งใส คาดเซ็นสัญญาต้นตุลาฯ พร้อมขนทรายถมหาดปลายปี 57
นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ เป็นประธานการประชุมร่วมกับตัวเมืองพัทยา สถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือ และชี้แจงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการศึกษาวางแผนแม่บทและสำรวจ ออกแบบเพื่อเสริมทรายชายหาดพัทยา ซึ่งเป็นโครงการที่กรมเจ้าท่าได้ร่วมกับเมืองพัทยา ในการหาหนทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายหาด พร้อมสนับสนุนงบประมาณลงมาดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับโครงการศึกษาวางแผนแม่บทและสำรวจออกแบบเพื่อเสริมทรายชายหาดพัทยา กรมเจ้าท่าได้อุดหนุนงบประมาณจำนวน 13 ล้านบาท ในการว่าจ้างสถาบันวิจัยทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาสำรวจและวางแผนในการออกแบบเพื่อเสริมทรายชายหาดพัทยาอย่างเป็นรูปธรรม หลังพบว่า สภาพชายหาดมีความทรุดโทรมอย่างหนัก และถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีความกว้างชายหาดเฉลี่ยกว่า 35.6 เมตร เหลือเพียงความกว้าง 4-5 เมตรในปัจจุบัน
จนกระทั่ง ทางสถาบันฯ ได้มีการวางแผนแล้วเสร็จ ซึ่งกำหนดให้มีการถมทรายในระยะ 35 เมตรจากแนวสันเขื่อนออกไปในทะเลตลอดระยะความยาวกว่า 3 กิโลเมตร จากพัทยาเหนือถึงพัทยาใต้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมเจ้าท่าได้รับการอนุมัติงบประมาณในการถมทรายจากภาครัฐแล้ว จำนวน 430 ล้านบาท โดยจัดสรรเป็นงบประมาณผูกพัน ปี 2557-2558 โดยงบ ประมาณในปีแรกได้อนุมัติมาแล้ว จำนวน 64,500,000 บาท
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าจึงได้ทำการประกาศพร้อมเปิดให้ภาคเอกชนที่สนใจเสนอตัวเข้ามารับเหมา กระทั่งได้ บ.กิจการร่วมค้ามารีน คอนสตรัคชั่น เข้ามาดำเนินการ จึงเหลือเพียงการนำเสนอโครงการสู่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เพื่อตรวจสอบความโปร่งใส ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน และสามารถลงนามว่าจ้างผู้รับเหมาในช่วงต้นเดือนตุลาคม ก่อนจะลงมือถมทรายชายหาดตามแผนงานได้ภายในช่วงเดือนธันวาคมนี้
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า การเสริมทรายดังกล่าวจะมีการนำทรายมาจากแห่งทรายที่เหมาะสมจากปากน้ำระยอง จังหวัดระยอง จำนวน 3.6 แสน ลบ.ม. ขนส่งมาทางทะเลมาพักไว้บริเวณจุดพักกลางอ่าวหน้าชายหาดพัทยาห่างจากฝั่งประมาณ 1.5 กม. ก่อนจะทำการนำทรายมาพ่นเติมชายหาดด้วยเรือดูดขนาดใหญ่ที่ระบุความกว้างของชายหาด 35 เมตร พร้อมแนวกันชนในระยะ 15 เมตร รวมทั้งคันดักทราย 2 ตัว บริเวณพัทยาเหนือ และพัทยาใต้ยาว 50 เมตร โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการนานกว่า 18 เดือน
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา แม้จะทำให้สภาพชายหาดมีขนาดความกว้างเพิ่มมากขึ้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่จากสภาพของภูมิอากาศ และการไหลเวียนของน้ำทะเลที่มีผลกระทบมาจากโครงสร้างชายหาดที่เปลี่ยนไป ย่อมมีผลทำให้การกัดเซาะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้ศึกษาคาดการณ์ไว้ว่า ชายหาดพัทยา หลังการเสริมทรายไปแล้วชายหาดพัทยาจะถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนถึงแนวกันชนในระยะเวลา 15 ปีนั้น ที่ผ่านมา ยังคงพบว่าเมืองพัทยามีปัญหาในเรื่องของการระบายน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะระบบการรองรับน้ำบริเวณถนนสายชายหาด ซึ่งพบว่า ในคราวฤดูน้ำฝน หรือช่วงน้ำหลากจะมีปริมาณน้ำไหลท่วมเอ่อล้นจากฝั่งตะวันออกลงสู่ชายหาดเมืองพัทยาเป็นจำนวนมาก โดยกรณีนี้อาจเป็นปัญหาสำคัญ และอาจเป็นผลกระทบประการหนึ่งที่จะส่งผลให้ชายหาดเมืองพัทยาหลังการเสริมทรายถูกน้ำฝนกัดเซาะลงสู่ทะเลจนเกิดความเสียหายได้
กรมเจ้าท่า จึงได้ทำการศึกษาและวางแผนในการจัดทำระบบบ่อพักและระบบรองรับน้ำฝนเพิ่มเติมบริเวณถนนสายชายหาดเมืองพัทยา ตลอดระยะความยาว 3 กม. เพื่อทำการชะลอ และหยุดพักน้ำหลากที่จะไหลลงสู่ชายหาดได้ โดยได้ออกแบบทำการจัดสร้างบ่อพักน้ำขนาดใหญ่ พร้อมท่อส่งน้ำขนาด 1,50 เมตร ขนานไปกับแนวระบบเดิมของเมืองพัทยา เพื่อระบายน้ำลงสู่จุดที่เหมาะสมอันจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการ
ทั้งนี้ คงต้องใช้งบประมาณจากท้องถิ่น หรือเมืองพัทยามาสนับสนุนเป็นการเร่งด่วนในประมาณการกว่า 120-150 ล้านบาท พร้อมการจัดทำจุดพักทรายในพื้นที่ 6-8 ไร่ บริเวณสันเขื่อนหน้าชายหาดโรงแรมดุสิตธานีพัทยา เพื่อใช้เป็นจุดพักทรายที่จะนำมาใช้เติมชายหาดในส่วนที่ถูกกัดเซาะและจัดสร้างเป็นลานสันทนาการในงบประมาณกว่า 10 ล้านบาทด้วย