ศูนย์ข่าวศรีราชา - เตรียมเสริมทรายชายหาดพัทยา หลังพบแหล่งทรายเหมาะสมกลางทะเลห่างจากฝั่งเกาะล้านประมาณ 10 กม. เจ้าท่าฯ เผยเร่งแก้ไขสัญญาก่อนลงมือกลางเดือนกรกฎาคมนี้
นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ในที่ประชุมสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่โรงแรมแกรนโซเลย์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะสภาพชายหาดเมืองพัทยาซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญด้านการท่องเที่ยวมีนัยสำคัญว่ามีสภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก เนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ชายหาดบางช่วงขาดหายไปในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี เมืองพัทยาจึงได้หารือร่วมกับกรมเจ้าท่า ในการหาแนวทางแก้ไข โดยมีแผนในการเสริมทรายชายหาดในระยะ 35 เมตร ตลอดแนว 2.7 กิโลเมตร จากพัทยาเหนือ ถึงพัทยาใต้ โดยขอรับความเห็นชอบผ่านไปยังสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หรือ สผ. กระทั่งได้รับการอนุมัติ
กรมเจ้าท่า จึงเป็นเจ้าภาพในการเสนอโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการในวงเงิน 430 ล้านบาท ก่อนว่าจ้าง กิจการร่วมค้ามารีน คอนสตรัคชั่น เพื่อเข้ามาดำเนินการ ซึ่งมีข้อสัญญาระบุการทำงานไว้ จำนวน 540 วัน ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2557 ถึงวันที่ 21 มิ.ย.2559
นายเอกราช กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญของโครงการดังกล่าวคือ การจัดหาแหล่งทรายที่มีลักษณะและคุณภาพใกล้เคียงกับทรายบนชายหาดพัทยามาเสริมในปริมาณกว่า 3.6 แสนลูกบาศก์เมตร ซึ่งที่ผ่านมา ได้กำหนดแหล่งทรายไว้ในพื้นที่ปากแม่น้ำระยอง
แต่ปรากฏว่า จากผลการสำรวจพบว่า ปริมาณทรายไม่เพียงพอต่อการใช้ อีกทั้งยังมีปัญหาการปะปนของดินเลน จึงทำให้แผนการล่าช้าไป เนื่องจากต้องทำการสรรหาแหล่งทรายใหม่ อีกทั้งยังต้องรอโครงการจัดทำระบบระบายน้ำเสียชายหาดเมืองพัทยาซึ่งมีพื้นที่คาบเกี่ยวข้องกัน เป็นเหตุให้จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มเสริมทรายแต่อย่างใด
ขณะนี้ทางผู้รับจ้างได้ทำการออกสำรวจแหล่งทรายใหม่ กระทั่งพบพื้นที่ที่เหมาะสมอยู่กลางทะเล ห่างจากฝั่งเกาะล้านประมาณ 10 กม.ซึ่งมีปริมาณทรายเพียงพอ และมากกว่าปริมาณที่จะใช้ถมถึง 3 เท่า จึงได้ทำจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อขอรับความเห็นชอบไปยังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด เนื่องจากมีการสูบทรายเกินกว่า 2 แสนลูกบาศก์เมตร
ปัจจุบัน ได้รับความเห็นชอบแล้ว และส่งเรื่องผ่านไปยัง สผ.ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบแล้วเช่นกัน แต่ด้วยระยะเวลาที่มีความคลาดเคลื่อนจากเดิม รวมทั้งการปรับเปลี่ยนวิธีการในการจัดหาทราย ขนย้าย และเสริมใหม่ จึงต้องทำการปรับ และแก้ไขในเรื่องของสัญญาซึ่งจะมีการขยายระยะเวลาจากเดิมไปอีกประมาณ 7 เดือน จากนั้นจึงจะดำเนินการเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าคงจะสามารถเสริมทรายอย่างเป็นรูปธรรมได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ และคงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม ในปี 2560