กาญจนบุรี - มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จัดเสวนา “สะพานมอญร้องไห้” หลายฝ่ายรุมยำจังหวัดไม่ควรจ่ายเงิน 10 ล้านบาทให้แก่ผู้รับเหมา เนื่องจากทำงานไม่เสร็จตามสัญญา แนะร้องเรียน ป.ป.ช. ยื่นฟ้องศาลปกครอง จี้ มท.แจงความจริงในฐานะผู้บังคับบัญชาผู้ว่าฯ ขณะที่มหาวิทยาลัยฯ เตรียมทำเรื่องยื่น คสช.ตรวจสอบ
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ประชุมศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ได้มีการเสวนาหัวข้อ “สะพานมอญร้องไห้” ภายหลังจากเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นกับสะะพานไม้ (สะพานมอญ) หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมี ผศ.เชิดชาย ดวงภมร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี นายจักรกฤษณ์ โพธิ์แพงพุ่ม อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ นายกำธร ล้อวงศ์งาม ภาคเอกชน ในนามกลุ่มต้นน้ำแคว นายณรงค์เดช นวลมีชื่อ อาจารย์วิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี นายพิศิษฐ ยินดีวี เครือข่าย ป.ป.ช.ภาคประชาชน และภาคประชาชนใน จ.กาญจนบุรี เข้าร่วมเสวนา โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักของการอนุรักษ์ และรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมของสะพานแห่งศรัทธา ที่ชาวมอญมีความศรัทธาต่อหลวงพ่ออุตตมะ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังวิการาม
ในเวทีได้มีการเล่าประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มสร้างสะพาน และความสำคัญของสะพานแห่งนี้ ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมใจ เชื่อมแผ่นดิน กลายเป็นสะพานไม้แห่งศรัทธา ซึ่งเกิดจากหลวงพ่ออุตตมะ เป็นผู้ดำริ และควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง เพื่อให้ชาวบ้านสะดวกในการเดินทางติดต่อราชการ และไปมาหาสู่กัน ไม่ได้เป็นสะพานที่สร้างโดยหน่วยงานราชการ และเนื่องจากเป็นสะพานไม้ จึงเกิดความเสียหายตามกาลเวลา ชาวบ้านก็ได้ร่วมกันซ่อมแซมตลอดมา
จนมาถึงเหตุการณ์ที่สะพานพังเสียหายขาดเป็น 2 ท่อน เมื่อวันที่ 28 ก.ค.56 และลำดับเหตุการณ์ในการดำเนินการของทางจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากเกิดเหตุจนมาสู่กระบวนการที่ทางจังหวัดกาญจนบุรี ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชน ด้วยวิธีพิเศษในการซ่อมบูรณะสะพาน แต่จนถึงปัจจุบันบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้
ล่าสุด ทางจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้ว่าจ้างได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ผู้รับจ้างซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยจังหวัดจะจ่ายเงินค่าปริมาณงานให้ผู้รับจ้าง 10 ล้านบาท ภายใน 7 วัน นับจากวันทำสัญญา (4 ก.ย.57)
สรุปเวทีเบื้องต้น คือ ไม่เห็นควรให้จังหวัดจ่ายเงิน 10 ล้านบาท ให้แก่ผู้รับเหมา เนื่องจากผู้รับเหมาทำงานไม่เสร็จตามสัญญา อีกทั้งเงินบริจาคได้เข้าสู่ระบบราชการ ดังนั้น การเบิกจ่ายควรจะทำตามระเบียบขั้นตอนของราชการ โดยเห็นควรให้มีการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. และยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
ขณะที่กระทรวงมหาดไทย จะต้องออกมาชี้แจงในเรื่องการดำเนินงานของผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หากชุมชนดำเนินการซ่อมแซมกันเอง ก็ระดมอาสาสมัครเข้าร่วมดำเนินงานการซ่อมสะพาน ร่วมกับชาว อ.สังขละบุรี เพื่อเชื่อมร้อยการดำเนินงานให้เกิดความสุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยฯ จะทำเรื่องเสนอต่อ คสช.เพื่อดำเนินงานตรวจสอบการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยผ่านการนำเสนอเรื่องต่างๆ ให้แก่นายกสภามหาวิทยาลัยฯ เพื่อรับทราบและให้มหาวิทยาลัยฯ ทำงานเชิงวิชาการเป็นข้อมูลสารสนเทศ สนับสนุนการจัดเวทีสาธารณะตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินจากบัญชีที่รับบริจาค และความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจสั่งจ่าย ภายหลังจากที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากชุมชนดำเนินการซ่อมแซมกันเอง ก็ระดมอาสาสมัครเข้าร่วมดำเนินงานการซ่อมสะพาน ร่วมกับชาว อ.สังขละบุรี เพื่อเชื่อมร้อยการดำเนินงานให้เกิดความสุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง