กาญจนบุรี - กรรมเริ่มไล่ล่าผู้ว่าฯ กาญจนบุรี ผู้ตรวจ ก.มหาดไทย ส่งหนังสือถึง ผวจ.กาญจน์ ให้ชี้แจงปัญหาการซ่อมแซมสะพานมอญใน 20 วัน หลังคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภาสภา ร้องเรียน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 ก.ย.) นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เราได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาการซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ ที่มีความล่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาที่ล่าช้า และงบประมาณที่สูงถึง 16,347,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้มาจากการบริจาคทั้งสิ้น
จากปมปัญหาที่เกิดขึ้น คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โดยคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาติดตามและตรวจสอบข้อเสนอเชิงนโยบายในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนไทยที่ตกสำรวจ และกลุ่มชาติพันธุ์ จึงมีหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้จังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้จ้างชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยล่าสุด เราได้รับหนังสือตอบรับจากกระทรวงมหาดไทยแล้วว่า จะเร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รายงานการดำเนินการซ่อมแซมสะพานอุตตมานุสรณ์ ให้กระทรวงมหาดไทยทราบข้อมูลข้อเท็จจริงภายใน 20 วัน หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับหนังสือ โดยทางเราร้องเรียนไปถึงกระทรวงมหาดไทย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ชี้แจงใน 3 หัวข้อ คือ
1.ขอให้ชี้แจงข้อมูลการซ่อมแซม และก่อสร้างสะพานในส่วนที่เสียหาย ได้แก่ การกำหนดรูปแบบ และโครงสร้าง การกำหนดเลือกใช้วัสดุในการซ่อมแซมสะพาน การกำหนดระยะเวลาการซ่อมแซมก่อสร้าง และการกำหนดวิธีการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง
2.ชี้แจงแนวทาง หรือแนวปฏิบัติซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารจัดการซ่อมแซมก่อสร้างสะพาน
และ 3.ขอให้ชี้แจงปัญหา และอุปสรรคที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ให้สัมภาษณ์อีกว่า ทั้งนี้เราได้ตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าการดำเนินการซ่อมบูรณะสะพานเป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ควรจะต้องเป็นไปตามระเบียบการพัสดุ พ.ศ.2535 หรือไม่ โดยมีการเปิดประมูล และหลังจากเปิดประมูลแล้ว หากไม่มีผู้มายื่นประมูล หรือให้ราคาสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ก็จะต้องยกเลิกการประมูล และเปิดการประมูลรอบที่สอง หากการประมูลรอบที่สองไม่มีผู้มายื่น หรือให้ราคาสูงกว่าราคากลาง จึงจะสามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษได้ ซึ่งจะต้องเชิญผู้รับเหมาอย่างน้อย 3 ราย มาประมูลกัน เพราะหากเป็นการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง ที่มีวงเกิน 1 ล้านบาท ต้องมีการประกวดราคา
ดังนั้น จะต้องมีการตรวจสอบว่า จังหวัดกาญจนบุรี ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบการพัสดุ พ.ศ.2535 หรือไม่ นอกจากนี้ หากภาคประชาชนเกิดข้อสงสัย หรือข้อกังวลในประเด็นต่างๆ ก็สามารถยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.เข้ามาดำเนินการตรวจสอบได้เช่นกัน และที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรี ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.วัสดุภัณฑ์ด้วยวิธีพิเศษ เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เริ่มดำเนินการวันที่ 9 เม.ย. สิ้นสุดสัญญาวันที่ 6 ส.ค.57 รวม 120 วัน
หลังจากหมดสัญญาคณะกรรมการได้ตรวจสอบเพื่อรับงานปรากฏว่า การดำเนินการซ่อมแซมสะพานมีความคืบหน้าประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงถือได้ว่าผู้รับจ้างทำผิดสัญญาต่อผู้ว่าจ้างอย่างชัดเจน
ถึงแม้จังหวัดกาญจนบุรี จะเปิดโอกาสให้ทางบริษัทดำเนินการซ่อมสะพานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันก็ตาม แต่ผลสุดท้ายทางบริษัทก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ต้องลงมาแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
การผิดสัญญาเกิดจากความผิดของผู้รับจ้าง ถือว่าผู้รับจ้างทำงานล่าช้า จึงเป็นเหตุให้ผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างได้ ซึ่งผู้ว่าจ้างจะไม่จ่ายเงินให้ผู้รับจ้างเลยก็ได้ เพราะถือว่าผู้รับเหมาผิดสัญญา แต่หากผู้รับจ้างเห็นใจผู้รับเหมา และเห็นชัดเจนว่าผู้รับจ้างไม่ผิดสัญญาเลย โดยหลักการพิจารณาจะจ่ายตามสัดส่วนของความสำเร็จของงาน แต่ไม่เกิน 20% ของผลสำเร็จของงานในขณะนั้นจึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ไปจ่ายตามข้ออ้างการลงทุนของผู้รับจ้างตามที่เป็นข่าว
ส่วนการลงทุนของผู้รับจ้างที่มีการกล่าวอ้างเป็นเงินจำนวนมาก ไม่ใช่ความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างแต่อย่างใด และที่สำคัญ เงินที่ได้มาเป็นเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาที่มีความประสงค์เดียวกันคือ ให้นำไปสมทบเพื่อซ่อมบูรณะสะพานเท่านั้น ไม่ใช่นำไปจ่ายชดเชยให้แก่ผู้รับเหมา ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักการตั้งแต่วันที่สิ้นสุดสัญญา 120 วันแล้ว
ดังนั้น จึงควรจะพิจารณายกเลิกสัญญาตั้งแต่ต้น และแทนที่ผู้ว่าจ้างจะเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับจ้าง แต่กลับมาใช้แนวทางประนีประนอมยอมความโดยจ่ายเงินให้แก่ทางบริษัทสูงถึง 10 ล้านบาท ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนทำเช่นนี้มาก่อน
หลังจากกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้ชี้แจงข้อมูลให้กระทรวงมหาดไทย ทราบภายใน 20 วัน ซึ่งตน และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา จะรอฟังคำชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป
