หนองคาย - กรมการค้าต่างประเทศดันผู้ประกอบการผลิต-ส่งออก ขยายตลาดอเมริกาใต้ โดยเฉพาะเปรูและชิลี เล็งอาศัยข้อตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู กรุยทางส่งออก
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมอัศวรรณ อ.เมือง จ.หนองคาย นายธนวัฒน์ พลอยโสภณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง “การเก็บเกี่ยวประโยชน์จาก FTA โอกาสการค้าชายแดนภายใต้ AEC และลู่ทางขยายการค้าสู่ตลาดเปรู/ชิลี” ที่กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต 5 หนองคายจัดขึ้น มีผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกว่า 150 คน
เนื่องจากปัจจุบันความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และไทย-ชิลีนั้น ภาครัฐเล็งเห็นความสำคัญที่จะขยายการค้าเข้าไปสู่ตลาดละตินอเมริกา โดยที่ทั้งสองประเทศมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม จึงมีโอกาสที่ดีในการกระจายสินค้าไทยไปยังตลาดต่างๆ ในทวีปอเมริกาใต้ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554 โดยเปิดตลาดร้อยละ 70 ของรายการสินค้าทั้งหมด
ล่าสุดทั้งฝ่ายไทยและเปรูได้ตกลงเปิดตลาดสินค้าส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 และคาดว่าจะสามารถลงนามในข้อตกลงใหม่ประมาณต้นปี 2558 ส่วนข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลีนั้น ไทยจะได้ประโยชน์จากการจัดทำเขตการค้าเสรีอย่างมาก สินค้าทุกรายการจะลดภาษีทันทีที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และกว่าร้อยละ 90 ของรายการสินค้าทั้งหมดจะลดภาษีเป็น 0
ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ ผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางการค้า ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน และการค้าชายแดน ตลอดจนสิทธิประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และไทย-ชิลี รวมทั้งมาตรการและความช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี เพื่อให้ทราบแนวทางในการจัดทำโครงการช่วยเหลือ เพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมอัศวรรณ อ.เมือง จ.หนองคาย นายธนวัฒน์ พลอยโสภณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง “การเก็บเกี่ยวประโยชน์จาก FTA โอกาสการค้าชายแดนภายใต้ AEC และลู่ทางขยายการค้าสู่ตลาดเปรู/ชิลี” ที่กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต 5 หนองคายจัดขึ้น มีผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกว่า 150 คน
เนื่องจากปัจจุบันความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และไทย-ชิลีนั้น ภาครัฐเล็งเห็นความสำคัญที่จะขยายการค้าเข้าไปสู่ตลาดละตินอเมริกา โดยที่ทั้งสองประเทศมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม จึงมีโอกาสที่ดีในการกระจายสินค้าไทยไปยังตลาดต่างๆ ในทวีปอเมริกาใต้ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554 โดยเปิดตลาดร้อยละ 70 ของรายการสินค้าทั้งหมด
ล่าสุดทั้งฝ่ายไทยและเปรูได้ตกลงเปิดตลาดสินค้าส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 และคาดว่าจะสามารถลงนามในข้อตกลงใหม่ประมาณต้นปี 2558 ส่วนข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลีนั้น ไทยจะได้ประโยชน์จากการจัดทำเขตการค้าเสรีอย่างมาก สินค้าทุกรายการจะลดภาษีทันทีที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และกว่าร้อยละ 90 ของรายการสินค้าทั้งหมดจะลดภาษีเป็น 0
ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ ผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางการค้า ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน และการค้าชายแดน ตลอดจนสิทธิประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และไทย-ชิลี รวมทั้งมาตรการและความช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี เพื่อให้ทราบแนวทางในการจัดทำโครงการช่วยเหลือ เพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า
