“ศรีรัตน์” ถกผู้บริหารพาณิชย์จัดทำแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ คสช.เปิดแผนเร่งด่วน ดูแลชาวนาให้ได้เงินจำนำ หามาตรการดึงราคาข้าวเปลือก ดูแลราคาสินค้า และผลักดันส่งออก พร้อมสั่งทำแผนให้ชัดเรื่องขายข้าว ตรวจสต๊อก ยันเดินหน้าเจรจาการค้าต่อ
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีอยู่ 14 เรื่องใหญ่ที่จะทำแผนเร่งด่วนเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะเป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว โดยได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานในสังกัดไปจัดทำรายละเอียดแผนงานให้ชัดเจนแล้ว
โดยแผนงานเร่งด่วน ให้เน้นการให้ความช่วยเหลือชาวนา โดยต้องดูแลการชำระเงินคืนให้แก่ชาวนา การหาทางดึงราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้น การผลักดันและแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก การกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าภายในประเทศ การดูแลภาวะราคาสินค้า และการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการระบายข้าว ให้ชะลอการระบายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ไปก่อน แต่การขายในรูปรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จะขอหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สัญญาเดิมที่ขายจีทูจีให้กับจีนต้องดำเนินการต่อไป แต่สัญญาใหม่ที่ยังไม่มีการลงนามหรืออยู่ระหว่างหารือ เช่น มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ ต้องมากำหนดแนวทางดำเนินการอีกครั้ง โดยต้องยึดหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้
สำหรับการตรวจสต๊อกข้าว ต้องมีการดำเนินการตามที่ คสช.ได้ให้แนวทางเอาไว้ โดยกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการ เพราะต้องการให้มีความชัดเจนเช่นเดียวกัน ส่วนที่มีการระบุว่าข้าวหายไปจากสต๊อกขอตรวจสอบตัวเลขที่ชัดเจนก่อน เพราะยังไม่สามารถระบุได้ว่าหายจริงหรือไม่ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไปตรวจสอบแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงฯ จะต้องอยู่ทำหน้าที่ดูแลงานต่างๆ ของกระทรวงฯ เพื่อให้ขับเคลื่อน และคงจะต้องงดการเดินทางไปเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับต่างประเทศตามพันธกรณีต่างๆ ออกไปก่อน แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว และเชื่อว่าการเจรจาการค้าจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในกรอบของอาเซียน แต่กรอบการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ต้องรอดูท่าทีของอียูก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ยืนยันได้ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศจะเดินหน้าต่อไปแน่นอน
