ส่งออก มี.ค.กลับมาติดลบอีก 3.12% หลังเพิ่งเป็นบวกเมื่อเดือนก่อนหน้า เหตุสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ส่งออกได้ลดลง ทำไตรมาสแรกติดลบ 1% “พาณิชย์” คาดไตรมาส 2 เริ่มฟื้น และทั้งปียังทำได้ตามเป้า 5% เพราะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าขยายตัวดีขึ้น
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือน มี.ค. 2557 มีมูลค่า 1.99 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.12% เทียบกับ มี.ค. 2556 เป็นการกลับมาขยายตัวลดลงอีกครั้ง หลังจากที่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาได้ขยายตัวเป็นบวก 2.43% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1.84 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.19% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 1,459 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการส่งออกช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 5.62 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 5.55 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15.41% โดยไทยเกินดุลการค้าไตรมาสแรก 706 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ทำให้การส่งออก มี.ค.กลับมาปรับตัวลดลงเนื่องจากการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร ลดลง 8.2% สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลง เช่น ยางพาราลด 21% อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปลด 8.8% กุ้งแช่แข็งและแปรรูปลด 25% น้ำตาลลด 21% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.9% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น ยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเพิ่ม 4.2% อัญมณีและเครื่องประดับเพิ่ม 30.4% เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม 0.7% เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนเพิ่ม 7.9%
สำหรับตลาดส่งออกในเดือน มี.ค. ตลาดหลักการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.7% โดยตลาดญี่ปุ่น เพิ่ม 1.6% สหรัฐฯ เพิ่ม 3.6% สหภาพยุโรป (15 ประเทศ) เพิ่ม 2.9% ส่วนตลาดศักยภาพสูงลดลง 8.5% ประเทศที่ขยายตัวลดลง เช่น อาเซียนลด 10.9% จีนลด 11.2% ตลาดศักยภาพรองลดลง 5.3% ประเทศที่ขยายตัวลดลง เช่น ทวีปออสเตรเลียลด 23.3% ละตินอเมริกาลด 6.3% เป็นต้น
นางศรีรัตน์กล่าวว่า กระทรวงฯ ประเมินว่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2 น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ 4-4.5% และครึ่งปีหลังการส่งออกจะขยายตัวเพิ่ม 7-9% ทำให้การส่งออกทั้งปี 2557 ยังเติบโตตามเป้าหมายที่ 5% ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจโลกปีนี้เติบโต 3.6-3.7% อัตราแลกเปลี่ยน 31.7 บาท/เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมัน 100-120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
“แม้ไตรมาสแรกการส่งออกจะติดลบ 1% แต่ไตรมาสที่ 2 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปก็ฟื้นตัวขึ้นตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ก็ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อการส่งออก คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาภัยแล้ง โรคตายด่วนในกุ้งที่จะกระทบต่อการส่งออกกุ้ง ซึ่งหากการเมืองเป็นปกติ มีเสถียรภาพจริงๆ ปีนี้การส่งออกน่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 10%”
สำหรับการนำเข้าที่ขยายตัวลดลงเชื่อว่าไม่กระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชน แม้ว่ากลุ่มสินค้าทุนและวัตถุดิบจะมีการนำเข้าลดลง แต่เป็นการนำเข้าลดลงเพียงชั่วคราว เพราะหากดูรายละเอียด เช่น น้ำมันดิบที่นำเข้าลดลง 21.8% มาจากปัญหาการปิดโรงกลั่น ทำให้มีการนำเข้ากลุ่มน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มแทน ส่วนสินค้าทุนที่นำเข้าลดลงมาก คือ เรือ ลด 54.5% และเครื่องบินโดยสาร 26.3% เพราะเมื่อช่วงปีที่แล้วมีการนำเข้ามาแล้ว ส่วนทองคำมีการนำเข้าลด 68.1% เป็นผลมาจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และเหล็กกล้า 29.5% เป็นผลจากอุตสาหกรรมเหล็กในตลาดโลกซบเซา