xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมตั้งทนายยื่นฟ้องอดีต ส.ว.เพชรบุรี ฐานพาดพิงเหตุกระทิงและช้างป่าตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายพงษ์พันธ์  วิเชียรสมุทร  นายอำเภอกุยบุรี ในฐานะประธานมูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ
ประจวบคีรีขันธ์ - มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ และเครือข่ายเพาเวอร์แถลงจุดยืนหลังถูกอดีต ส.ว.เพชรบุรี พาดพิงเหตุกระทิงและช้างป่าตาย เตรียมตั้งทนายยื่นฟ้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านกุยบุรี ได้แจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ้านยางชุมแล้ว

วันนี้ (26 พ.ค.) ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ พร้อมเครือข่ายเพาเวอร์ออฟกุยบุรี ทั้ง 13 องค์กร ทหาร ตำรวจ ตชด. หน่วยงานฝ่ายปกครอง และภาคเอกชน ตลอดจนชาวบ้านกุยบุรี ที่เป็นสมาชิกชมรมท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนและปกป้องศักดิ์ศรีหลังถูกพาดพิงในการให้สัมภาษณ์ของอดีต ส.ว.เพชรบุรี จากเหตุกระทิงป่ากุยบุรี และช้างป่าตาย

ทั้งนี้ หลังจากประชุมร่วมกันทุกฝ่ายแล้วได้ยกมือเห็นด้วยต่อการที่ทางมูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อเตรียมจะตั้งทนายฟ้องร้องดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อ ส.ว.คนดังด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้านกุยบุรี ทั้ง 19 คนได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.กุยบุรีแล้ว ส่วนชาวบ้าน ชมรมท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ยังได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง ส.ว.กรณีถูกพาดพิงว่าเป็นกลุ่มผลประโยชน์ในพื้นที่ด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ระบุด้วยว่า ทั้งมูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ และเครือข่ายเพาเวอร์ออฟกุยบุรีทั้ง 13 องค์กร ยังพร้อมที่จะร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และโครงการฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าในกุยบุรีต่อไป

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี ในฐานะประธานมูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ กล่าวว่า จากกรณีที่ไทยรัฐออนไลน์ ได้ลงข่าวบทสัมภาษณ์ของ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ประธานคณะกรรมการโครงการปลูกพืชให้ช้างสร้างอาหารให้สัตว์ป่า เฉลิมพระเกียรติรัฐสภา ซึ่งเป็นอดีต ส.ว.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ในหัวเรื่อง “แฉช้างป่ากุยบุรีถูกวางยา หวังเปิดป่า”

ที่ระบุว่า “...แม้จะได้รับการยืนยันว่าเกิดจากโรคระบาด แต่กลับไม่ตามถึงต้นเหตุแห่งปัญหาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่มีข้อมูลว่ามีสมาคม หรือมูลนิธิบางแห่งที่ตั้งขึ้นในพื้นที่และมีฝ่ายปกครองเข้าไปเกี่ยวข้องนำเอาหมูป่าจากวัดแห่งหนึ่งไปปล่อยคืนสู่ป่าโดยไม่มีการขออนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ตามระเบียบ เพื่อตรวจกักกันโรค โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เองคือ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ก็เงียบเฉย และเป็นไปได้สูงว่าเป็นตัวการนำเชื้อโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย เข้าไประบาดฝูงกระทิงในพื้นที่...”

และข้อความที่ว่า “... ขอเรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องเข้ามาดำเนินการอย่างเฉียบขาด ในหลักวิชาการ ไม่ใช่ปล่อยให้มีแรงกดดันจากฝ่ายปกครองในพื้นที่ รวมทั้งกลุ่มผลประโยชน์เข้ามาสร้างแรงกดดันเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่แท้จริง...” ซึ่งเนื้อความในข่าวบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ซึ่งทำให้มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ และเครือข่ายด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าในกุยบุรี เสื่อมเสียชื่อเสียง

นายอำเภอกุยบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีหมูป่า ที่เป็นที่สอบถามกันเข้ามามากนั้น ทางมูลนิธิฯ ยอมรับว่ามีการปล่อยหมูป่าจริง ซึ่งเป็นหมูป่าจากโครงการสวนป่าหาดทรายใหญ่ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่จะดำเนินการปล่อยนั้นมีการตรวจโรคโดยสัตวแพทย์กรมปศุสัตว์เรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญ ในการปล่อยนั้นไม่เคยดำเนินการโดยพลการ แต่ได้มีการประสานงานกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชมาโดยตลอด ตลอดจนส่วนราชการในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ด้วย
มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ พร้อมเครือข่ายเพาเวอร์ออฟกุยบุรี ทั้ง 13 องค์กร ทหาร ตำรวจ ตชด.หน่วยงานฝ่ายปกครองและภาคเอกชน ตลอดจน ชาวบ้านกุยบุรีที่เป็นสมาชิกชมรมท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนและปกป้องศักดิ์ศรี หลังถูกพาดพิงในการให้สัมภาษณ์ของอดีต สว.เพชรบุรี จากเหตุกระทิงป่ากุยบุรีและช้างป่าตาย


กำลังโหลดความคิดเห็น