ประจวบคีรีขันธ์ - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ลาดตระเวนพบกระทิงเพศเมียตายเพิ่มอีก 1 ตัวในพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยไม่ทราบทสาเหตุ ขณะที่ผลตรวจสอบซากกระทิงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์สังคมได้
วานนี้ (5 พ.ค.) นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนสำรวจป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ว่าพบซากกระทิงล้มอยู่ในพื้นที่บริเวณอ่างน้ำที่ 3 หุบตาวิทย์ภายในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือโครงการกุญชร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมทีมสัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และพนักงานสอบสวน สภ.ยางชุม ที่เกิดเหตุพบกระทิงเพศเมีย อายุประมาณ 8-10 ปีลักษณะผอม น้ำหนักประมาณ 700 กิโลกรัม สภาพซากยังสมบูรณ์ มีเขา และเนื้อกระทิงอยู่ครบ คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการล่าและเศษโลหะจากกระสุนปืน
นายสาธิต ปิ่นกุล หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า วันที่ 7 พ.ค.นี้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะส่งชุดตรวจสอบสุขภาพสัตว์จากหลายหน่วยงานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องสุขภาพสัตว์ รวมทั้งจะต้องมีสัตว์แพทย์มาประจำอยู่ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีเพื่อติดตามปัญหาการตายของกระทิงในชุดใหม่ ทั้งนี้ คงต้องรอชุดตรวจสุขภาพสัตว์ที่จะเดินทางมา และคงต้องมาประชุมวิเคราะห์หาสาเหตุการตายของกระทิงว่าจะทำอย่างไรและเป็นโรคอะไรกันแน่
นายวีระ ศรีวํฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากทางอำเภอกุยบุรี แล้วรู้สึกเป็นห่วงปัญหาการตายของกระทิงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อีกครั้ง สิ่งสำคัญผมจะประสานพูดคุยกับทางกรมอุทยาแห่งชาติฯว่าจะทำยังไงกันต่อไป เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาย้ำรอยกระทิงชุดเก่าที่ตายไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วคงต้องหามาตรการเชิงรุกว่าจะจัดการปัญหาอย่างไรต่อไปเนื่องจากพบว่าล่าสุดตายในพื้นที่โครงการพระราชดำริอีกแล้ว
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ชุดสำรวจประชากรสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติที่ลงพื้นที่ไปดำเนินการได้กลับมาแล้วแจ้งว่ากระทิงฝูงใหญ่ประมาณ 8 ตัวยังไม่พบความผิดปกติ แต่สำหรับกระทิงที่ตาย 2 ตัวในรอบนี้อาจเป็นในตัวที่ไม่สมบูรณ์ในช่วงที่สำรวจพบก่อนหน้านี้ เพราะเพิ่มตายนาน
ทั้งนี้ การหาสาเหตุก็คงต้องรอผลทั้ง 2 ตัวในชุดใหม่ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปคงต้องหาวิธีการเก็บตัวอย่างเลือดของกระทิง ในพื้นที่มาตรวจสอบพร้อมๆกับตัวอย่างกระทิง 2 ตัวที่ตายใหม่ด้วย วันนี้สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้กระทิงที่เหลือ เข้ามาในพื้นที่จุดที่พบกระทิงตายในรอบใหม่เบื้องต้น
ด้านนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การตายของกระทิงถือเป็นการสูญเสียสัตว์ป่าสงวนหายากใกล้สูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในพื้นที่ป่าธรรมชาติของประเทศ แต่ผลการตรวจพิสูจน์ที่ผ่านมากลับไม่มีความชัดเจนและสร้างความสงสัยให้ชาวบ้าน รวมทั้งเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการรักษ์สัตว์ป่าเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเป็นโรคระบาดก็ควรมีผลระทบกับสัตว์ป่าประเภทอื่นที่หากินในพื้นที่เดียวกัน
"สำหรับซากกระทิงที่พบใหม่มีลักษณะสมบูรณ์เชื่อว่าทางกรมอุทยานฯ จะสามารถหาสาเหตุการตายที่แท้จริงได้และต้องเฝ้าระวังไม่ให้ตายเพิ่มอย่างตอเนื่องอีก" กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี กล่าว
วานนี้ (5 พ.ค.) นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนสำรวจป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ว่าพบซากกระทิงล้มอยู่ในพื้นที่บริเวณอ่างน้ำที่ 3 หุบตาวิทย์ภายในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือโครงการกุญชร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมทีมสัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และพนักงานสอบสวน สภ.ยางชุม ที่เกิดเหตุพบกระทิงเพศเมีย อายุประมาณ 8-10 ปีลักษณะผอม น้ำหนักประมาณ 700 กิโลกรัม สภาพซากยังสมบูรณ์ มีเขา และเนื้อกระทิงอยู่ครบ คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการล่าและเศษโลหะจากกระสุนปืน
นายสาธิต ปิ่นกุล หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า วันที่ 7 พ.ค.นี้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะส่งชุดตรวจสอบสุขภาพสัตว์จากหลายหน่วยงานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องสุขภาพสัตว์ รวมทั้งจะต้องมีสัตว์แพทย์มาประจำอยู่ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีเพื่อติดตามปัญหาการตายของกระทิงในชุดใหม่ ทั้งนี้ คงต้องรอชุดตรวจสุขภาพสัตว์ที่จะเดินทางมา และคงต้องมาประชุมวิเคราะห์หาสาเหตุการตายของกระทิงว่าจะทำอย่างไรและเป็นโรคอะไรกันแน่
นายวีระ ศรีวํฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากทางอำเภอกุยบุรี แล้วรู้สึกเป็นห่วงปัญหาการตายของกระทิงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อีกครั้ง สิ่งสำคัญผมจะประสานพูดคุยกับทางกรมอุทยาแห่งชาติฯว่าจะทำยังไงกันต่อไป เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาย้ำรอยกระทิงชุดเก่าที่ตายไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วคงต้องหามาตรการเชิงรุกว่าจะจัดการปัญหาอย่างไรต่อไปเนื่องจากพบว่าล่าสุดตายในพื้นที่โครงการพระราชดำริอีกแล้ว
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ชุดสำรวจประชากรสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติที่ลงพื้นที่ไปดำเนินการได้กลับมาแล้วแจ้งว่ากระทิงฝูงใหญ่ประมาณ 8 ตัวยังไม่พบความผิดปกติ แต่สำหรับกระทิงที่ตาย 2 ตัวในรอบนี้อาจเป็นในตัวที่ไม่สมบูรณ์ในช่วงที่สำรวจพบก่อนหน้านี้ เพราะเพิ่มตายนาน
ทั้งนี้ การหาสาเหตุก็คงต้องรอผลทั้ง 2 ตัวในชุดใหม่ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปคงต้องหาวิธีการเก็บตัวอย่างเลือดของกระทิง ในพื้นที่มาตรวจสอบพร้อมๆกับตัวอย่างกระทิง 2 ตัวที่ตายใหม่ด้วย วันนี้สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้กระทิงที่เหลือ เข้ามาในพื้นที่จุดที่พบกระทิงตายในรอบใหม่เบื้องต้น
ด้านนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การตายของกระทิงถือเป็นการสูญเสียสัตว์ป่าสงวนหายากใกล้สูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในพื้นที่ป่าธรรมชาติของประเทศ แต่ผลการตรวจพิสูจน์ที่ผ่านมากลับไม่มีความชัดเจนและสร้างความสงสัยให้ชาวบ้าน รวมทั้งเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการรักษ์สัตว์ป่าเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเป็นโรคระบาดก็ควรมีผลระทบกับสัตว์ป่าประเภทอื่นที่หากินในพื้นที่เดียวกัน
"สำหรับซากกระทิงที่พบใหม่มีลักษณะสมบูรณ์เชื่อว่าทางกรมอุทยานฯ จะสามารถหาสาเหตุการตายที่แท้จริงได้และต้องเฝ้าระวังไม่ให้ตายเพิ่มอย่างตอเนื่องอีก" กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี กล่าว