นายอำเภอบางละมุง ขนทีมลงตรวจโรงแรมบูติค สานเรื่องร้องสมาคมนักธุรกิจพัทยา

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายอำเภอบางละมุง ขนทีมลงตรวจโรงแรมบูติค สานเรื่องร้องสมาคมนักธุรกิจพัทยา ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอน การก่อสร้างต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต พบยังลักลอบเปิดให้บริการจึงสั่งจับดำเนินคดี พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่อย่าหย่อนยาน ควบคุมดูแลใกล้ชิดจนกว่าปัญหาจะยุติ

วันนี้ (15 พ.ค.) จากกรณีที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีคำสั่งให้สถานประกอบการโรงแรมบูติค พาราไดซ์ เลขที่ 12 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รื้อถอนอาคารในส่วนที่ต่อเติมบริเวณชั้นบน เนื่องจากพบว่าผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ก่อสร้างต่อเติมดัดแปลงอาคาร ค.ส.ล.3 ชั้น เป็น 7 ชั้น ขนาดประมาณ 22x12 จำนวน 3 คูหา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมา เมืองพัทยาได้ออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง รวมทั้งสั่งให้รื้อถอนอาคาร ตามมาตรา 42 พร้อมมอบหมายให้นิติกรเมืองพัทยา เป็นผู้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมให้ระยะเวลา 180 วัน แก่เจ้าของกิจการในการรื้อถอนส่วนต่อเติมเอง ซึ่งจนถึงปัจจุบันผ่านมาแล้วกว่า 120 วัน สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ยื่นหนังสือต่อนายอำเภอบางละมุง และเมืองพัทยา ให้เข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าการรื้อถอน หลังได้รับแจ้งว่า ยังมีการเปิดให้บริการตามปกติ การรื้อถอนไม่มีความคืบหน้ามากนัก หวั่นว่าอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้บริการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวได้

ล่าสุด นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง พร้อมด้วยนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และสำนักการช่างเมืองพัทยา เข้าตรวจสอบความคืบหน้าภายในสถานประกอบการดังกล่าว

ซึ่งเบื้องต้นพบว่า บริเวณชั้นล่างยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าพักตามปกติ จึงมอบหมายให้นายประพันธ์ ปทุมชมพู ปลัดอำเภอบางละมุง ทำการควบคุมตัวผู้รับผิดชอบ และพนักงานไปดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่าเปิดให้บริการสถานประกอบการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการสถานประกอบการโรงแรม

พร้อมกันนี้ ได้เดินทางขึ้นไปตรวจสอบความคืบหน้าของการรื้อถอนอาคารส่วนทต่อเติม ชั้นที่ 5-7 พบว่า มีแรงงานกำลังรื้อถอนอุปกรณ์บางส่วนของห้องพักที่ได้ต่อเติมไว้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก จึงสั่งให้ระงับการใช้อาคารชั่วคราว จนกว่าจะแก้ปัญหาแล้วเสร็จ โดยให้เมืองพัทยารับหน้าที่ในการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ผ่านมากว่า 120 วันแล้ว ที่ให้เจ้าของกิจการทำการรื้อถอนอาคารส่วนต่อเติมเอง แต่จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ซึ่งสาเหตุอาจเป็นเพราะเมืองพัทยาไม่เข้ามากำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมาอย่างใกล้ชิด แม้จะมีการติดตามด้วยการส่งหนังสือทวงถาม แต่กรณีนี้ เมืองพัทยาต้องให้ความสำคัญ และลงมือมาตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

ขณะที่เรื่องการเปิดใช้บริการก็เคยมีคำสั่งห้ามไปแล้ว แต่พบว่ายังคงฝ่าฝืน และลักลอบเปิดให้บริการอยู่ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายส่วนกลับไม่ร่วมกันรักษาประโยชน์ของรัฐ เน้นความใส่ใจในการให้ความร่วมมือ อย่างกรณีที่มอบหมายให้เมืองพัทยา ประสานไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ทำการตัดน้ำตัดไฟทั้งระบบของโรงแรม เพื่อกันไม่ให้ผู้ประกอบการเปิดดำเนินกิจการได้ แต่จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ยังคงมีการเปิดใช้ตามปกติ จึงได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอบางละมุง ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ของโรงแรมส่งดำเนินคดีทันที พร้อมสั่งปิดการใช้อาคารอย่างเด็ดขาดจนกว่าการแก้ไขจะแล้วเสร็จ

ส่วนกรณีดังกล่าวหลายฝ่ายอาจมองว่าภาครัฐหย่อนยาน และเป็นการประวิงเวลานั้น เป็นเรื่องของมุมมอง เพราะเท่าที่เห็นความคืบหน้าก็มีไม่มากนัก จึงคงจะเลี่ยงความคิดใครไม่ได้ แต่ก็คงต้องให้เวลาผู้ประกอบการจนถึงเวลาที่กำหนด ซึ่งหากไม่แล้วเสร็จ ภาครัฐก็คงต้องเข้ามาจัดการอย่างเต็มรูปแบบ