ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กำนัน “วินัย ชิดเชี่ยว” ชี้หากบ่อบำบัดน้ำเสียเฟส 2 ไม่เกิด กะรน จะต้องเผชิญปัญหาน้ำเสียจากพื้นที่รับน้ำไหลลงสู่ทะเลไปอีก 4-5 ปี
นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงกรณีปัญหาน้ำเสียจากคลองหนองหานไหลทะลักลงสู่ทะเลหาดกะรน ว่า สำหรับตำบลกะรน มีพื้นที่รับน้ำจากสถานประกอบการต่างๆ รวมถึงจากชุมชน จำนวน 5 แห่ง และทั้ง 5 แห่งดังกล่าวมีปัญหาน้ำเสียแล้วถูกปล่อยลงทะเลทั้งหมด โดยน้ำจากสถานประกอบการต่างๆ เมื่อมีการปล่อยออกมา ก็ได้กระชากตะกอนที่เกิดจากน้ำเสีย ซึ่งนอนก้นอยู่ในคลองไหลออกสู่ทะเล ด้วย ทำให้น้ำทะเลมีสีดำ
ประกอบกับบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งมีอายุการใช้งานมากว่า 10 ปี แล้ว พบว่าศักยภาพของเครื่องจักรทำงานได้ไม่เต็มที่ มีปัญหามาหลายปีแล้ว ต้องรองรับปริมาณน้ำเสียมากถึง 8,000-12,000 ลบ.ม. ซึ่งเกินขีดความสามารถรองรับน้ำเสียได้จริงเพียงวันละ 6,000 ลบ.ม.เท่านั้น ทำให้น้ำเสียที่ overload หรือที่เกินศักยภาพของเครื่องจักรทั้งหมดประมาณ 2,000-4,000 ลบ.ม.ถูกปล่อยลงคลองก่อนไหลออกสู่ทะเล
นายวินัย กล่าวต่อไปว่า จากการพูดคุยกับนายกเทศมนตรีตำบลกะรน และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย ทราบว่า ไม่ว่าจะซ่อมแซมปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะรองรับปัญหาน้ำเสียที่เกินศักยภาพของเครื่องจักรทั้งหมดได้ ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาน้ำเสียได้ ทางเทศบาลตำบลกะรน จะต้องก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเฟส 2 ขึ้นมา ซึ่งจะต้องใช้งบในการก่อสร้างกว่า 390 ล้านบาท โดยขอกู้จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แต่ยังขอกู้ไม่ได้ เนื่องจากของเก่าที่กู้มาก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียในเฟสแรก ยังไม่ได้ส่งคืนให้แก่ทาง ทส.เลย
และในการจัดทำแผนพัฒนา 3 ปี (พ.ศ.2557-2559) ของเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งได้มีการประกาศใช้ไปแล้ว ก็ไม่ได้ทำแผนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำเสียบรรจุเข้าไปในแผนพัฒนาฯ ดังกล่าวเลย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าในปี พ.ศ.2560 ทางเทศบาลจัดทำแผนเข้าไป ถ้าผ่านก็น่าจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นพื้นที่ ต.กะรน จะประสบกับปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงคลอง แล้วไหลออกสู่ทะเลไปอีกประมาณ 4-5 ปี
ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางท้องถิ่นเคยทำเรื่องไปถึงผู้มีอำนาจจากส่วนกลางหลายครั้งแล้ว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเกินขีดความสามารถที่จะแก้ไขได้ แต่ก็ไม่มีใครลงมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง และถ้าผู้มีอำนาจจากส่วนกลางไม่ลงมาแก้ไข เราก็ไม่สามารถเอาบ่อบำบัดน้ำเสียเฟส 2 มาได้
นอกจากนี้ นายวินัย ยังได้กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันแก้ปัญหา โดยในช่วงค่ำวันที่ 8 เม.ย.นี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะ จะลงพื้นที่วัดกะรน ขอความร่วมมือสถานประกอบการ ห้างร้านต่างๆ รวมถึงคนในชุมชน ในการช่วยกันกลั่นกรองดักไขมันก่อนปล่อยลงสู่ลำคลอง ประการต่อไป ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ขอให้ทางท้องถิ่นใช้หลักนิติรัฐ โดยออกเป็นเทศบัญญัติในการกำกับดูแล ตรวจสอบสถานประกอบการ ในเรื่องระบบบำบัดน้ำเสีย เช่น หากตรวจสอบพบว่าในการก่อสร้างอาคารไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย จะระงับการก่อสร้าง และไม่อนุญาตให้ใช้อาคาร เป็นต้น
