ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “แรมบ้าอีสาน” ทาส นช.แม้ว กร้าวเดินหน้าตั้งกองกำลังรบในนาม “อาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ” โอ่รับสมัครสมาชิกและฝึกรบให้ได้ 2 แสนคนใน มี.ค.นี้ ดึง “พล.อ.พัลลภ” ร่วม พร้อมทำสงครามกับ กปปส.ทุกรูปแบบทั้งบนดินใต้ดิน จี้ ผบ.ทบ.เป็นตัวกลางตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างรัฐบาลกับสุเทพให้จบโดยเร็ว ก่อนเกิดสงครามกลางเมืองและแบ่งแยกประเทศ
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ห้องประชุมกินรี ชั้น 7 โรงแรมปัญจดารา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมบ้าอีสาน อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อ.พ.ป.ช.) ได้เรียกประชุมกลุ่มคนเสื้อแดงโคราชกว่า 100 คนเพื่อดำเนินการประกาศรับสมัครอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยทั่วประเทศ ก่อนเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ในฐานะประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อ.พ.ป.ช.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกลุ่มบุคคล คณะบุคคล พรรคการเมืองบางพรรค ได้พยายามล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ด้วยการเสนอการปกครองภาคประชาชนในนาม สภาเผด็จการที่เรียกว่า “สภาปฏิรูป” ซึ่งไม่รู้ว่า ปฏิรูปโดยใคร ของใคร และเพื่อใคร เห็นชัดว่าไม่ใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และพยายามล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยการจัดตั้งให้ประชาชนบางกลุ่มออกมาสร้างความวุ่นวาย ปิดสถานที่ราชการ ตัดน้ำตัดไฟ ปิดถนน จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเดือดร้อน
เป้าหมายของการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ คือต้องการทำลายประชาธิปไตย ทำลายอำนาจของประชาชน หากการกระทำดังกล่าวสำเร็จจะนำมาสู่ สภาพนรกบนดินของประชาชนและอาจถึงขั้น เกิดสงครามกกลางเมืองที่คนไทยต้องฆ่าคนไทยด้วยกันเอง ดังนั้น กลุ่มผู้นำภาคอีสาน 20 จังหวัดที่รักประชาธิปไตย จึงรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อ.พ.ป.ช.) ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์รวมกันดังนี้ 1. ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
2. เรียกร้องประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนโดยประชาชน เพื่อประชาชนและเรียกร้องความถูกต้องเป็นธรรม ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย 3. เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคีของกลุ่มคนที่รักประชาธิปไตย 20 จังหวัดอีสาน ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และ 4. ร่วมต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารและเผด็จการทุกรูปแบบ
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า อ.พ.ป.ช.กำหนดเปิดรับสมัครสมาชิก ให้ได้จำนวน 200,000 คน ภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยจะเริ่มเปิดรับสมัครที่ จ.มหาสารคามในวันที่ 1 มี.ค. 2557 เป็นจังหวัดแรก จากนั้นในวันที่ 8 มี.ค.ทุกจังหวัดจะเปิดรับสมัครสมาชิก โดยผู้สมัครมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปไม่จำกัดเพศ โดยจะเชิญ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตนายทหารและคณะ เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
การฝึกกำลังอาสาสมัครฯ ดังกล่าวจะมีการฝึกรบโดยครูฝึกที่มีประสบการณ์ทางด้านการรบ มีความชำนาญการ และมีฝีมือ โดยกองกำลังดังกล่าวนี้พร้อมพลีชีพในทุกสถานการณ์หากบ้านเมืองถึงขั้นวิกฤต คาดว่าภายในเดือน มี.ค.นี้จะมีอาสาสมัครทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 600,000 คนที่จะออกมาปฏิบัติการ
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธาน อ.ป.พ.ช.ขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และแม่ทัพนายกองทั้งหลายว่า ในฐานะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ต้องออกมาแสดงความจริงใจในการที่จะให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ สำคัญที่สุดคือ ท่านต้องเจรจากับม็อบของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ให้ยุติการทำลายบ้านเมืองยุติการชุมนุม หยุดปิดถนน หยุดตัดน้ำตัดไฟหยุดคุกคาม หมวดเจี๊ยบ และ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร ควรหยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้
วันนี้ถ้าม็อบ กปปส.ทำได้ ก็มีพี่น้องประชาชนอีกกลุ่มเขาทำได้เช่นกัน เช่น กลุ่มของนายศรรักษ์ มาลัยทอง ที่ไปปิดล้อม ป.ป.ช.เราไม่ต้องการให้เกิดภาพการทำลาย หรือความรุนแรง หรือสงครามทางการเมืองขึ้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เจรจาเป็นตัวกลางในการเรียกกลุ่มของ นายสุเทพ มาเจรจากันบนโต๊ะ ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะมีทางออกอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลภายใต้การรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็พร้อมที่จะเจรจาหาทางออกให้กับประเทศไทย ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งที่ยาวนานเช่นนี้
ดังนั้น ถ้ามีการเจราหันหน้าเข้าหากันเรียบร้อยพวกเรา ซึ่งเป็น อ.พ.ป.ท.ก็ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ไม่มีการออกมาต่อสู้เรียกร้องใดๆ แต่ถ้าการเจราจรไม่แล้วเสร็จ นายสุเทพ ไม่ยอมเจรจา เราก็ไม่มีทางเลือก จำเป็นที่จะต้องรวมพลังต่อสู้ทั้งต่อสู้บนดิน หรือต่อสู้ใต้ดิน หรือจะต้องสู้ด้วยยุทธวิธีของพวกเราอย่างไรก็แล้วแต่ เราจำเป็นที่จะต้องรักษาบ้านเมือง รักษาประเทศชาติ รักษาประชาธิปไตย
ดังนั้น ก็อยากให้บ้านเมืองเดินไปด้วยสันติวิธี เพราะเราไม่เชื่อมั่นว่า ม็อบของ นายสุเทพ ไม่มีอาวุธสงคราม ไม่มีความรุนแรง แต่เราเชื่อว่ามีการซ่องสุมอาวุธ มีการตั้งกองกำลังในการที่จะก่อการร้าย นำไปสู่สงครามการเมืองได้ นี่คือสิ่งที่ตนยืนยันว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นได้
“ดังนั้นสถานการณ์จะยุติลงได้ก็ต้องมีการเจรจา หันหน้าเข้าหากัน โดยให้ ผบ.ทบ.เป็นคนกลาง ก่อนที่บ้านเมืองจะเลวร้ายไปกว่านี้ แต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ยุติ ไม่สงบเรียบร้อยกองกำลังของ อ.ป.พ.ช.ก็พร้อมที่จะออกมาต่อสู้ และยืนยันพวกเราพร้อมจะเป็นกองกำลังพลีชีพ พร้อมเป็นนักรบพลีชีพ เป็นกองทัพประชาชน เพื่อปกป้องบ้านเมืองทุกรูปแบบ” นายสุภรณ์กล่าว
นายสุภรณ์กล่าวย้ำอีกว่า ขอให้ ผบ.ทบ.เป็นตัวกลางในการเจรจาโดยเร็ว ก่อนที่บ้านเมืองจะมีการแบ่งแยกประเทศ แบ่งแยกบ้านเมือง ก่อนที่จะมีการแบ่งแยกการปกครอง ซึ่งตนไม่ต้องการให้มีการแย่งแยกประเทศเกิดขึ้น แบ่งแยกการปกครอง แต่ถ้าเหตุการณ์มันรุนแรงถึงขั้นเลวร้าย มันก็ไม่แน่ว่าภาคอีสานภาคเหนือ หรือภาคอื่นอาจจะขอแยกการดูแลพื้นที่ของตัวเองเพื่อความสงบสุขของพี่น้องตัวเอง ส่วนนายสุเทพ ก็มีความเชี่ยวชาญทางภาคใต้จะไปปกครองภาคใต้ก็เป็นเรื่องของนายสุเทพ เราก็ไม่สนใจ แต่หากการเจรจาเป็นไปด้วยดี เราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกัน
“โดยในการจราจรระหว่างรัฐบาลกับนายสุเทพ หรือแกนนำ กปปส.นั้น ควรจะมีการเจรจานอกรอบกันก่อนแล้วค่อยมาแถลงต่อหน้าสื่อพร้อมกัน คุยกันให้เข้าใจก่อนเพื่อจะได้เป็นแนวทางเดียวกัน ถ้ามีการเจรจากันทุกอย่างยุติเราก็จะให้อาสาสมัครของเราทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป” นายสุภรณ์กล่าว