xs
xsm
sm
md
lg

13 องค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ขอให้หน่วยอีโอดีตรวจสอบซากระทิง หวั่นป้ายความผิดให้ชาวบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านกุยบุรี พร้อมเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี 13 องค์กร ประสานขอหน่วยอีโอดี ตชด.เข้าตรวจสอบซากระทิงที่เสียชีวิตในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ยังไม่ได้ทำการฝังเพื่อหาโลหะ และหัวกระสุนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส หวั่นกลุ่มคนไม่หวังดีสร้างสถานการณ์โยนความผิดให้ชาวบ้าน โดยมีหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่บริเวณจุดตรวจห้วยลึก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายณรงค์ศักดิ์ พิพัฒน์เสถียรไทย กำนันตำบลกุยบุรี ในฐานะประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอำเภอกุยบุรี และนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม พร้อมทั้ง 13 เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ประกอบด้วย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อำเภอกุยบุรี ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ ตำรวจตระเวนชายแดน WWF ประเทศไทย มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ ชาวบ้านกุยบุรี ฯลฯ ได้รวมตัวกันพูดคุยถึงปัญหาการเสียชีวิตของกระทิงในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีการพบซากกระทิงตายเพิ่มอีก 3 ตัว เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และหน่วยงานต่างๆ ออกลาดตระเวนพื้นที่ต่อเนื่อง รวมมีกระทิงตายแล้วถึง 16 ตัว ในระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคม และสาธารณชนกำลังจับตามองว่าเกิดอะไรขึ้นในผืนป่ากุยบุรี ส่งผลให้มีกระทิงตายจำนวนมากถือว่ามากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยก็น่าจะพูดได้

ทำให้นายปรีชา วิทยพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และนายพงษ์พันธุ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปศุสัตว์อำเภอกุยบุรี ได้เข้าร่วมชี้แจงกับ 13 เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี โดยในการพูดคุยกันในครั้งนี้ทั้งประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอกุยบุรี และตัวแทนกลุ่มเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ฯ และชาวบ้าน เห็นตรงกันว่า การเสียชีวิตของกระทิงจำนวน 16 ตัวในครั้งนี้ ถือว่ามีความผิดปกติอย่างแน่นอน

ส่วนหนึ่งเห็นว่าอาจเกิดจากความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของกรมอุทยานฯ ด้วยกัน และยืนยันด้วยว่าไม่ได้เกิดจากการกระทำของชาวบ้านอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าทางกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และทีมสัตวแพทย์จากสถาบันต่างๆ จะสรุปในเบื้องต้นใน 2 ประเด็น ทั้งเรื่องสารพิษ และโรคติดต่อ รวมไปถึงข้อสรุปที่ไม่พบร่องรอยการถูกยิงที่ซากกระทิงก็ตาม แต่เพื่อเป็นการป้องกันการพยามสร้างสถานการณ์จากกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีที่อาจอาศัยจังหวะดังกล่าวสร้างความแตกแยกให้เห็นว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างสัตว์ป่า กับชาวบ้านขึ้นมาอีก

ทั้งนี้ ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอำเภอกุยบุรี พร้อม 13 องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี จึงได้เห็นพ้องต้องกันว่า ขอให้หน่วยอีโอดี ตำรวจตระเวนชายแดน เข้ามาตรวจสอบโลหะ และหัวกระสุน ที่ซากกระทิงที่เสียชีวิตทั้งหมดที่ยังไม่ได้ฝังเพื่อเป็นการยืนยันว่ากระทิงเหล่านั้นไม่ได้ถูกยิง โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนจะเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในวันนี้

นายวายุพงศ์ จิตร์วิจักษณ์ ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี WWF ประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างป่า กับชาวบ้านในพื้นที่กุยบุรี เริ่มหมดไปเพราะชาวบ้านเข้าใจถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่า อีกทั้งหน่วยงานต่างๆ ได้พยายามดำเนินการตามแนวทางพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพลิกฟื้นป่ากุยบุรีมาโดยตลอด และยิ่งปัญหากระทิงที่จะลงไปกัดกินพืชไร่ของชาวบ้านแทบไม่มีรายงานเกิดขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา จึงยืนยันได้ว่า การเสียชีวิตของกระทิงที่ป่ากุยบุรี ในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ไม่ได้เกิดจากการกระทำของชาวบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งอีกไม่นานผลพิสูจน์จากด้านต่างๆ คงออกมาเป็นเครื่องยืนยันต่อไปว่า การเสียชีวิตของกระทิงเกิดจากสาเหตุอะไร และเห็นด้วยกับการที่องค์กรอนุรักษ์ ฯลฯ ให้ทางหน่วยอีโอดี ตำรวจตระเวนชายแดนเข้ามาตรวจสอบซากกระทิง เพื่อเป็นเครื่องยีนยันว่ากระทิงไม่ได้ถูกยิงแต่อย่างใด

นายปรีชา วิทยพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า ทางทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สัตวแพทย์สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนสถาบันสัตวแพทย์ต่างๆ จะลงมาเก็บตัวอย่างชื้นเนื้อ และเศษอาหารในกระเพาะกระทิงที่ตาย รวมทั้งเก็บดีเอ็นเอออกจากกระดูกไขสันหลังของซากกระทิง ถึงแม้จะเน่าแล้วก็ตาม ในเช้าวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เพื่อส่งเข้าแล็บทำการวิเคราะห์ตรวจสอบหาสาเหตุของการเสียชีวิตของกระทิงต่อไป

เบื้องต้น พ.ต.อ.อำพันธุ์ ชมกรด ผกก.สภ.บ้านยางชุม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครเข้าแจ้งความแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจได้เข้ามาร่วมตรวจสอบซากกระทิงเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ ตั้งแต่ตัวแรกแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุอะไรได้ เนื่องจากต้องรอผลจากห้องแล็บ และยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด โดยได้รายงานให้ทางผู้บังตับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว ซึ่งในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ทาง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางลงมาติดตามกรณีการเสียชีวิตของกระทิงในพื้นที่ด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น