xs
xsm
sm
md
lg

พบกระทิงตายอีก 3 ตัว ในป่ากุยบุรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมทีมสัตวแพทย์ลงพื้นที่ตรวจสอบพบซากกระทิงเสียชีวิตตายเพิ่มอีก 3 ตัว ภายในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี ยอมรับเกิดความผิดปกติในพื้นที่ที่มีกระทิงตายมากขนาดนี้ พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ห้ามนำนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมบริเวณจุดที่มีซากกระทิงเสียชีวิต รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่เดินเท้าตรวจสอบพื้นที่ต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบพบมีกระทิงเสียชีวิตในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมเป็นต้นมาว่า ทางรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมสัตวแพทย์จากสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ เดินทางมาตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายสรัชชา สุริยกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการการส่วนอุทยานฯ นายปรีชา วิทยพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นายพงษ์พันธุ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด สัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สัตวแพทย์สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ฝ่ายปกครองอำเภอกุยบุรี ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ WWF ประเทศไทย กำนันตำบลหาดขาม ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย อ.กุยบุรี ฯลฯ กว่า 150 คน ได้แบ่งกำลัง 16 ชุด ตรวจสอบพื้นที่ภายในโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอีกครั้ง

โดยใช้วิธีการเดินเท้า จนกระทั่งพบซากกระทิงเพศผู้ขนาดน้ำหนักกว่า 1,500 กิโลกรัม เสียชีวิตอยู่ในบริเวณลำห้วยในพื้นที่โครงการฯอีกจำนวน 3 ตัว ซึ่งจากการตรวจสอบของสัตวแพทย์พบว่าน่าจะเสียชีวิตใกล้เคียงกับกระทิงตัวอื่นที่พบซากก่อนหน้านี้แล้ว เบื้องต้นไม่พบมีร่องรอยบาดแผลจากการถูกยิง และทำร้ายแต่อย่างใด ส่วนอีกตัวพบว่าซากกระทิงเหลือแต่โครงกระดูก คาดว่าเป็นการตายโดยธรรมชาติ และถูกสัตว์ป่ากัดกินเนื้อ และเสียชีวิตมานานแล้ว ซึ่งทางรองอธิบดีกรมอุทยานแห่ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บเขาทั้ง 2 ข้างไปไว้ที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า การเสียชีวิตของกระทิงจนถึงขณะนี้พบมีทั้งหมด 12 ตัว ซึ่งต้องเกิดจากความผิดปกติอย่างแน่นอน และขณะนี้จะยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคระบาด แหล่งน้ำ สารพิษ หรือแม้แต่พืชที่เป็นพิษ ซึ่งบ่างส่วนทางสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำไปส่งตรวจที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ซึ่งคงต้องรอผลจากการห้องแล็บ

“ได้สั่งการให้นายปรีชา วิทยพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ปิดจุดที่พบกระทิงเสียชีวิตห้ามพานักท่องเที่ยวเข้าไปโดยเด็ดขาด และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมช้าง และกระทิงได้ที่บริเวณจุดชมช้าง และกระทิงเท่านั้นนับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เข้าเอกซเรย์พื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี โดยใช้วิธีการเดินเท้าตามแนวลำห้วยต่างๆ ในพื้นที่โครงการ เพื่อตรวจสอบหาซากกระทิง ซึ่งคาดว่าอาจมีเสียชีวิตอีกได้ นอกจากนั้น ยังต้องเก็บตัวอย่างน้ำ ดินโป่ง และพืชบางชนิดไปตรวจสอบในห้องแล็บต่อไป สิ่งสำคัญนับจากวันนี้ เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปสัมผัสกับซากกระทิง ทั้งขาเข้าไป และกลับออกมานั้นต้องผ่านจุดฆ่าเชื้อทุกคนเพื่อป้องกันการติดเชื้อทั้งด้านในสู่ด้านนอก และด้านนอกสู่ด้านใน” นายธีรภัทร กล่าว

นายธีรภัทร กล่าวต่อว่า ในวันนี้ (23 ธ.ค.) จะมีการประชุมกับสัตวแพทย์ทั้งของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สัตวแพทย์สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สัตว์แพทย์กรมปศุสัตว์ และสัตวแพทย์จากมหาลัยมหิดล ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของกระทิงในครั้งนี้ และจะนำผลจากการประชุมมาดำเนินการต่อไป





กำลังโหลดความคิดเห็น