รมว.สธ.รุดตรวจ รพ.ชายแดนเขาพระวิหาร เตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน

ศรีสะเกษ - รมว.สาธารณสุข รุดลงพื้นที่ตรวจติดตามความพร้อม รพ.ศรีสะเกษ และ รพ.ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เผยทุก รพ.ตามแนวชายแดนพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร 11 พ.ย.นี้ ขณะที่วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ นำนักศึกษาเขมรบริจาคเลือดที่ รพ.ศรีสะเกษ เตรียมรับเหตุฉุกเฉิน ผอ.รพ.เผยสำรองเลือดแล้ว 400 ยูนิต

วันนี้ (9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม และประเมินความพร้อมของโรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีที่ศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย. นี้ โดยมี นพ.ประวิ อ่ำพันธุ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และ นพ.อุดม เพชรภูวดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ พร้อมด้วย คณะแพทย์ พยาบาลให้การต้อนรับ

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการไปตรวจติดตามโรงพยาบาลทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า มีความพร้อมหมด เพราะเป็นไปตามแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นแผนตั้งรับแต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นการประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นมา แต่ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะไทยกับกัมพูชายังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาในรูปไหน เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

“อยากฝากถึงพ่อแม่ พี่น้องประชาชนว่า ไม่ว่าผลการตัดสินออกมาเป็นเช่นไรเป็นเรื่องของรัฐบาลแต่ละฝ่ายที่จะต้องดำเนินการกัน อย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของใครที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาภายในประเทศ” นพ.ประดิษฐ กล่าว

นพ.ประดิษฐ กล่าวต่อว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา เขาพระวิหารพบว่า มีความพร้อมมาก มีห้องผ่าตัด มีเลือด และสิ่งต่างๆ ครบถ้วน แต่ยังขาดบุคลากรด้านศัลยแพทย์ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงกัน หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นมา โรงพยาบาลศรีสะเกษ และโรงพยาบาลอุบลราชธานี พร้อมที่จะเข้าไปช่วยผ่าตัดได้ และโรงพยาบาลกันทรลักษ์ มีแผนอพยพที่ชัดเจนว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วจะอพยพอย่างไร เพราะมีประสบการณ์มาตั้งแต่ปี 2551 และปี 2554 แล้ว

ส่วนพี่น้องประชาชนชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้เขาพระวิหารนั้น ตนพบว่ายังมีความตระหนกตกใจบ้างเพราะกระแสข่าวที่ออกมา อยากย้ำว่าไม่ควรไปสร้างข่าวว่า ทำนั่นทำนี่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นมา ประชาชนจะตกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ต้องมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา จะต้องมีการพูดคุยกัน ประชาชนไม่ควรที่จะดำเนินการตามกระแสต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นมาภายในประเทศได้

ทางด้าน นพ.อุดม เพชรภูวดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ กล่าวว่า โรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้เตรียมพร้อมทุกด้านทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือแพทย์ไว้พร้อมแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการสำรองเลือดเอาไว้จำนวน 400 ยูนิต และกำลังรับบริจาคเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จากกรณีศาลโลกจะพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งหากเกิดเหตุขึ้นมาทางโรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้เตรียมแผนที่จะรับสถานการณ์นี้ไว้เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ นายอักษรศิลป์ แก้วมหาวงศ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ ได้นำนักศึกษาชาวกัมพูชาที่เป็นนักศึกษาตามโครงการทุนพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 15 คน มาบริจาคโลหิตให้แก่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งนักศึกษาชาวกัมพูชาทั้งหมดเป็นชาว จ.กัมปงธม ประเทศกัมพูชา เข้ามาศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ ระดับชั้น ปวส.ปีที่ 1 และ 2

นายอักษรศิลป์ กล่าวว่า หากเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมา วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ พร้อมจะนำนักศึกษา จำนวน 500 คน มาบริจาคโลหิตให้แก่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยจากเหตุฉุกเฉินกรณีปราสาทพระวิหารได้ทันที