โรงเรียนชายแดนเขาพระวิหาร เตรียมพร้อมปิดเรียนช่วงศาลโลกพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร พร้อมสั่งอพยพเด็กนักเรียน ครูทันที หากเกิดการปะทะระหว่างทหารไทย-เขมร "ชาวภูมิซรอล" เร่งสร้างหลุมหลบภัยในบ้าน สำรองอาหาร น้ำดื่ม ขณะที่ชาวบ้านแนวชายแดนไทย-เขมร อ.พนมดงรัก เช็คความพร้อมหอกระจายข่าว-หลุมหลบภัย หวั่น 11 พ.ย.ปะทะรุนแรง
วานนี้ (7 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทุกโรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต่างพากันนำนักเรียนซ้อมวิ่งเขาหลุมหลบภัย เพื่อให้ทราบถึงแนวทางที่ถูกต้องหากเกิดการปะทะกันขึ้นมาระหว่างทหารไทย-กัมพูชา นักเรียนต้องวิ่งไปเข้าหลุมหลบภัยหลุมใดและวิ่งไปในทิศทางใด โดยมีผู้บริหารโรงเรียนและคณะครู คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ศาลโลกจะพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้และทุกโรงเรียนที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต่างเตรียมสั่งปิดโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษในระหว่างวันที่ 11-15 พ.ย.นี้เพื่อหลีกเลี่ยงภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นมาได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
นายไพบูลย์ ศรีสุธรรม ผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่า ในช่วงที่จะมีการพิพากษาของศาลโลกวันที่ 11 พ.ย.นี้ตนมีความห่วงใยคณะครู นักเรียนที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้กับเขาพระวิหารมาก จึงได้กำชับผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งให้เฝ้าติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมที่จะอพยพนักเรียนได้ทันที หากมีการปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมา รวมทั้งให้ผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งได้พิจารณาว่าควรสั่งปิดโรงเรียนในช่วงเวลาใดกรณีที่ศาลโลกจะพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเพื่อความปลอดภัยของคณะครู และนักเรียน ซึ่งเป็นอำนาจของผู้บริหารโรงเรียนสามารถสั่งปิดโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษได้ทันที
ส่วนบรรยากาศทั่วไปที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ชาวบ้านยังคงประกอบอาชีพกันตามปกติ แต่ที่บ้านเลขที่ 125/1 ม.12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ของนายนายปรีชา แก้วลา อายุ 34 ปี และเปิดเป็นร้านขายของชำ ปรากฏว่า ภายในบ้านได้มีการสร้างหลุมหลบภัยส่วนตัวไว้อย่างแข็งแรง แน่นหนา เป็นหลุมหลบภัยกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตรภายในหลุมหลบภัยมีการรักษาความสะอาดอย่างดี และพร้อมที่จะใช้งานทันทีหากเกิดสงครามขึ้นมาระหว่างไทย-กัมพูชา และมีการเตรียมอาหารการกินน้ำดื่มสำรองไว้ด้วย
ขณะที่บรรยากาศที่บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา และอยู่ในรัศมีวีถีกระสุน ห่างชายแดนเพียง 8 กิโลเมตรและเคยเป็นพื้นที่ๆ เคยมีการสู้รบเมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา โดยนายดอก ยั่วยวนดี ผู้ใหญ่บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก กล่าวว่า บ้านไทยพัฒนามี 165 ครัวเรือน ประชาชนจำนวน 516 คนตนได้เช็คความพร้อมทั้งหอกระจายข่าวและหลุมหลบภัย เพื่อให้อยู่ในสภาพใช้งานได้จริง และได้มีการตรวจเช็กรถยนต์และรถบรรทุกต่างๆ ของชาวบ้านที่พอจะสามารถช่วยอพยพเคลื่อนย้ายคนได้ หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น
วานนี้ (7 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทุกโรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต่างพากันนำนักเรียนซ้อมวิ่งเขาหลุมหลบภัย เพื่อให้ทราบถึงแนวทางที่ถูกต้องหากเกิดการปะทะกันขึ้นมาระหว่างทหารไทย-กัมพูชา นักเรียนต้องวิ่งไปเข้าหลุมหลบภัยหลุมใดและวิ่งไปในทิศทางใด โดยมีผู้บริหารโรงเรียนและคณะครู คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ศาลโลกจะพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้และทุกโรงเรียนที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต่างเตรียมสั่งปิดโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษในระหว่างวันที่ 11-15 พ.ย.นี้เพื่อหลีกเลี่ยงภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นมาได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
นายไพบูลย์ ศรีสุธรรม ผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่า ในช่วงที่จะมีการพิพากษาของศาลโลกวันที่ 11 พ.ย.นี้ตนมีความห่วงใยคณะครู นักเรียนที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้กับเขาพระวิหารมาก จึงได้กำชับผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งให้เฝ้าติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมที่จะอพยพนักเรียนได้ทันที หากมีการปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมา รวมทั้งให้ผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งได้พิจารณาว่าควรสั่งปิดโรงเรียนในช่วงเวลาใดกรณีที่ศาลโลกจะพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเพื่อความปลอดภัยของคณะครู และนักเรียน ซึ่งเป็นอำนาจของผู้บริหารโรงเรียนสามารถสั่งปิดโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษได้ทันที
ส่วนบรรยากาศทั่วไปที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ชาวบ้านยังคงประกอบอาชีพกันตามปกติ แต่ที่บ้านเลขที่ 125/1 ม.12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ของนายนายปรีชา แก้วลา อายุ 34 ปี และเปิดเป็นร้านขายของชำ ปรากฏว่า ภายในบ้านได้มีการสร้างหลุมหลบภัยส่วนตัวไว้อย่างแข็งแรง แน่นหนา เป็นหลุมหลบภัยกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตรภายในหลุมหลบภัยมีการรักษาความสะอาดอย่างดี และพร้อมที่จะใช้งานทันทีหากเกิดสงครามขึ้นมาระหว่างไทย-กัมพูชา และมีการเตรียมอาหารการกินน้ำดื่มสำรองไว้ด้วย
ขณะที่บรรยากาศที่บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา และอยู่ในรัศมีวีถีกระสุน ห่างชายแดนเพียง 8 กิโลเมตรและเคยเป็นพื้นที่ๆ เคยมีการสู้รบเมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา โดยนายดอก ยั่วยวนดี ผู้ใหญ่บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก กล่าวว่า บ้านไทยพัฒนามี 165 ครัวเรือน ประชาชนจำนวน 516 คนตนได้เช็คความพร้อมทั้งหอกระจายข่าวและหลุมหลบภัย เพื่อให้อยู่ในสภาพใช้งานได้จริง และได้มีการตรวจเช็กรถยนต์และรถบรรทุกต่างๆ ของชาวบ้านที่พอจะสามารถช่วยอพยพเคลื่อนย้ายคนได้ หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น