พระนครศรีอยุธยา - เกิดเหตุเรือบรรทุกดินล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่บ้านใหม่ พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเรือไปกระแทกกับเขื่อนกันแนวตลิ่งของชาวบ้านจนเรือแตก โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะ จนท.ประกาศเตือนชาวเรือให้ระวัง พร้อมสอบเจ้าของพรุ่งนี้
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ว่า มีเรือบรรทุกดินล่มจมน้ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านจำนวนมากจับกลุ่มดูที่เกิดเหตุเรือบรรทุกดินได้จมลงใต้แม่น้ำ ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง ลักษณะเป็นน้ำวน ซึ่งชาวบ้านส่วนมากรู้กันว่าเป็นบริเวณน้ำวนนรก มีเรือจมทุกปีช่วงน้ำท่วม
นายเกียรติศักดิ์ สายทอง อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 12 ม.5 ต.บางชะนี อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของเรือเปิดเผยว่า ได้บรรทุกดินใส่เรือเหล็ก จำนวน 4 ลำ น้ำหนักลำละ 800 ตัน พ่วงมากจากอำเภอป่าโมก จะไปส่งที่รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุน้ำไหลแรง และวนทำให้เรือเสียหลักเหวี่ยงไปมาจนเรือบรรทุกลำแรกชื่อ ป.สินทรัพย์รุ่งเรือง ไปกระแทกกับเขื่อนกันแนวตลิ่งของชาวบ้านจนเรือแตก น้ำทะลักไหลเข้าภายในลำเรือจนต้องรีบตัดเชือกที่หัว และท้ายปล่อยให้จมลงไป ซึ่งโชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนเรือบรรทุกดินอีก 3 ลำ ปลอดภัย คงต้องใช้เวลานานพอสมควรในการกู้เรือ
ด้าน น.ส.สุวรรณา รื่นภาคบุตร อายุ 27 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าด้วยความตกใจว่า ตนเห็นเรือขนาดใหญ่มาใกล้บ้าน และจมลง มีคนบนเรือตะโกนเสียงดังบอกเรือจมแล้ว ต่างฝ่ายต่างให้โดดลงน้ำเพื่อหนีเอาชีวิตรอด
ด้าน น.ท.รชต ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือขนดินล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุบริเวณ ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา พบ เรือลากขนดินมา 4 ลำ เบื้องต้นทราบว่า เรือลำที่ 4 เกิดเหตุเครื่องยนต์ขัดข้องบวกกับกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรงพัดเรือลำเลียงปะทะเข้ากับตลิ่ง ทำให้เรือเกิดทะลุ และจมมิดน้ำไป 1 ลำ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการวางทุ่น และได้ออกประกาศเตือนชาวเรือนให้ระมัดระวังบริเวณดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้น ทั้งนี้ อุบัติเหตุดังกล่าวไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เร่งให้เจ้าของเรือเร่งกู้เรือลำดังกล่าวเพื่อไม่ให้กีดขวางเส้นทางจราจรทางน้ำ พร้อมทั้งได้มีการนัดหมายเจ้าของเรือเพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.