xs
xsm
sm
md
lg

โคราชเพิ่งตื่นเร่งติดตามคดีฮุบป่า “วังน้ำเขียว” ค้างอื้อ 331 คดี หลังปล่อยล่าช้ามานาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพิ่งตื่น ผู้ว่าฯโคราชเรียกประชุมพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง และฝ่ายตำรวจ เพื่อติดตามคดีบุกรุกป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- โคราชเพิ่งตื่น ประชุมติดตามคดีรุกป่าวังน้ำเขียว หลังปล่อยยืดเยื้อมานาน เผยปลัดจังหวัดฯ แสบไม่อนุญาตให้สื่อเข้าทำข่าว ด้านผู้ว่าฯ ระบุมีคดีฮุบป่าวังน้ำเขียวค้างอื้อรวม 331 คดี อยู่ในอำนาจผู้ว่าฯ 34 คดี นอภ. 297 คดี อ้างล่าช้าเหตุไม่ชัดเจนเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทั้ง อุทยานฯ-ป่าสงวนฯ-ส.ป.ก. สั่งแยกคดีเป็น 2 ส่วนเร่งเชือด คาดสัปดาห์หน้าชัดเจน ชี้ไม่หวั่นอิทธิพลนักการเมือง บิ๊ก ขรก. นายทุนใหญ่

วันนี้ (6 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง และฝ่ายตำรวจ เพื่อติดตามคดีบุกรุกป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ, นายอำเภอวังน้ำเขียว, เจ้าหน้าที่ป่าไม้, เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมถ้วนหน้า

ในช่วงแรก นายประภาส รักษาทรัพย์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่ติดภารกิจยังเดินทางมาไม่ถึง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพทำข่าวภายในห้องประชุม และไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ ต่อผู้สื่อข่าวแม้แต่เอกสารวาระการประชุม ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่านายประภาสสั่งไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวโดยเด็ดขาด อ้างเป็นการประชุมลับ

ต่อมานายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้เดินทางมาถึงที่ประชุมและทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมต่อ ซึ่งใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนปิดการประชุมและออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวอยู่ด้านนอก

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจ กรณีการบุกรุกป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งมีคดีที่อยู่ในอำนาจการควบคุมสอบสวนของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 34 คดี แบ่งเป็นคดีที่อยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูหลวง จำนวน 32 คดี และอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน 2 คดี นอกจากนี้ยังมีคดีที่อยู่ในอำนาจการควบคุมสอบสวนของนายอำเภออีก จำนวน 297 คดี รวมทั้งสิ้น 331 คดี

ทั้งนี้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าของคดีรวมถึงปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินคดีบุกรุกป่าล่าช้า โดยที่พนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่าปัญหาที่ทำให้เกิดความล่าช้าคือความไม่ชัดเจนของพื้นที่ มีพื้นที่ทับซ้อนหลายส่วนทั้งพื้นที่ ส.ป.ก. ป่าสงวนแห่งชาติ และ อุทยานแห่งชาติ ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังส่วนกลางแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา

วันนี้จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนได้ทำการแยกคดีออกเป็น 2 ส่วน คดีใดที่มีปัญหาอยู่ขอให้รีบสรุปมาทั้งในส่วนที่พื้นที่ทับซ้อนและไม่ทับซ้อน จากนั้นทางจังหวัดจะเป็นตัวกลางประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ ส่วนคดีที่ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนก็ให้เร่งดำเนินการสอบสวนและนำเสนอขึ้นมาให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้สั่งการ

นายวินัยกล่าวว่า พนักงานสอบสวนขอเวลาในการแยกแยะคดีตามที่สั่งการไปประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นในสัปดาห์หน้าจะสรุปรายละเอียดไปที่อำเภอก่อนส่งขึ้นมายังจังหวัด และทางจังหวัดจะมาดูรายละเอียดเพื่อประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน่วยงานระดับจังหวัดอยู่ประมาณ 3-4 หน่วยงาน ทางจังหวัดจะได้นัดหารือให้เพื่อให้เข้ามาดำเนินการสอบสวนและนัดหมายให้ปากคำต่อไป

“คดีที่อยู่ในอำนาจการควบคุมของผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 34 คดี นั้นเป็นคดีใหญ่และมีความซับซ้อน จึงต้องลงมาดูแลควบคุมเอง ส่วนคดีทั่วไปจะอยู่ในอำนาจของนายอำเภอ และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งความเป็นคดีคดีใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยทั้ง 331 คดี เป็นคดีเก่าแต่ถูกทิ้งไว้จึงไม่มีความคืบหน้า” นายวินัยกล่าว

นายวินัยกล่าวว่า ปัญหาที่ทำให้คดีการรุกป่าวังน้ำเขียวยืดเยื้อมายาวนานเนื่องจากมี 2 ส่วนที่เสนอขึ้นมา คือเป็นคดีสั่งไม่ฟ้อง เช่น เป็นคดีของกรมป่าไม้ แต่เมื่อมีการสอบสวนแล้วสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่ของป่าไม้แต่เป็นที่ของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งตรงนี้ทำให้ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ฉะนั้น การดำเนินการของจากนี้ไปต้องให้ชัดเจน ไม่ต้องมีการสั่งไม่ฟ้องอีก เพราะทำให้เสียเวลามาทำการสอบสวนกันใหม่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนจึงกลับไปทำเรื่องพื้นที่ให้ชัดเจนก่อนจึงจะดำเนินการต่อผู้บุกรุก

สำหรับคดีที่มีความชัดเจนในเรื่องของพื้นที่ไม่ทับซ้อนกันนั้น ได้สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการไปตามขั้นตอน ซึ่งคดีที่ทับซ้อนเรื่องพื้นที่คาดว่ามีไม่ถึง 20 คดี จากคดีทั้งหมด 331 คดี เพียงแต่จะต้องมาดูรายละเอียดอีกว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างชนิดใดในพื้นที่ เช่น เป็นรีสอร์ต บ้านพัก โฮมสเตย์ หรือบ้านพักรับรอง ตรงนี้ต้องให้ชัดเจน โดยครั้งต่อไปจะประชุมกันทุก 3 เดือน และจะเชิญอัยการ รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วยเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน

นายวินัยกล่าวอีกว่า มีผู้ประกอบการที่พักและรีสอร์ตในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของรัฐ ได้เข้าพบเป็นการส่วนตัว และอยากให้ภาครัฐมีความชัดเจน ฝ่ายผู้ประกอบการก็อยากทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและอยากเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการ หากพื้นที่ชัดเจนแล้วต้องมาดูกฎหมายของแต่ละพื้นที่นั้นๆ ว่ากฎหมายเปิดโอกาสให้เช่าได้หรือมีเงื่อนไขให้เช่าอย่างไร ถ้าชัดเจนในเรื่องพื้นที่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่พื้นที่ของอุทยานฯ ซึ่งกฎหมายเคร่งครัดคงให้เช่าไม่ได้แน่นอน

ต่อข้อถามมีความหนักใจหรือไม่ เนื่องจากมีทั้งกลุ่มนักการเมือง กลุ่มนายทุนใหญ่และข้าราชการระดับสูง ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีรุกป่าวังน้ำเขียวดังกล่าว นายวินัยกล่าวว่า ไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ตอนนี้มีความรู้สึกว่าล่าช้าไป และเห็นว่ามีคดีที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดจึงเชิญพนักงานสอบสวนทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองมาประชุม จากนี้ไปได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทั้งสองฝ่ายเข้าไปทำงานควบคู่กัน เพื่อจะได้ช่วยกันดำเนินการและทำให้คดีแล้วเสร็จโดยเร็ว


นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าฯนครราชสีมา
กำลังโหลดความคิดเห็น