ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “สุวัจน์” ชี้เวทีปฏิรูปการเมืองเป็นจุดเริ่มต้นการพูดคุยที่ดี แนะเชิญหลายฝ่ายเข้าร่วมให้หลากหลาย ระบุจะประสบความสำเร็จได้ปัจจัยสำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และต้องปฏิรูปทั้ง 3 ด้าน เศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม อ้างไม่ใช่เวทีเล่นปาหี่หรือจัดฉาก แต่ทุกฝ่ายมีความตั้งใจอยากเห็นบ้านเมืองเรียบร้อย
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่อาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การพัฒนาสินค้า OTOP ด้วยมาตรฐาน มผช. สู่ AEC” โดยมีผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมกว่า 800 คน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ผลิตได้รับความรู้ความเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาปรังปรุงคุณภาพสินค้าชุมชนให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานกำหนด
นายสุวัจน์กล่าวว่า ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการรับรองคุณภาพซึ่งมีกว่า 15,000 รายทั่วประเทศนั้น เนื่องจากคุณภาพผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์กำหนดในมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์ และสุรินทร์ สินค้าโอทอปประเภท ผ้า เครื่องแต่งกาย และอาหารเป็นผลิตภัณฑ์หลัก จากสถิติพบว่าผู้ประกอบการประเภทผ้า และอาหารประมาณกึ่งหนึ่งมีผลการตรวจสอบไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพในมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชุน (สผช.) ซึ่งจะต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
นอกจากนี้ นายสุวัจน์ ในฐานะนักการเมืองที่เข้าร่วมหารือการปฏิรูปการเมืองกล่าวถึงการเปิดเวทีปฏิรูปการเมืองเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ว่า อย่างน้อยเราได้เริ่มต้นในสิ่งที่ไม่เคยเริ่ม และได้กรอบของการทำงานว่าเราจะหาทางออกของประเทศไทยนั้นคงมิใช่หมายความว่าปฏิรูปเฉพาะการเมือง เพราะการเมือง เศรษฐกิจ สังคมเกี่ยวข้องกัน ฉะนั้นถ้าจะหาทางออกประเทศไทยจริงๆ แล้วต้องปฏิรูปร่วมกันทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อาจแยกปฏิรูปในแต่ละด้านแต่ต้องปฏิรูปให้มีกลไกในการขับเคลื่อนทั้ง 3 ด้าน ไม่ให้ขัดแย้ง แต่ให้ไปได้ด้วยกัน
ข้อสรุปเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สรุปว่าหลักๆ คือจะมีการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่ความสำเร็จจากนี้ไปเป็นเรื่องของการจัดตั้งคณะทำงานแล้วเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องที่ยังไม่ได้เข้ามาให้เข้ามาร่วมกันแสดงความคิดเห็นหรือเข้ามาเป็นคณะทำงานให้มากขึ้น
นายสุวัจน์กล่าวอีกว่า การปฏิรูปจะประสบความสำเร็จได้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ประชาชน และอีกหลายๆ กลุ่มที่ยังไม่ได้เข้ามา ซึ่งที่ประชุมต่างเห็นว่าควรที่จะได้มีการไปเชื้อเชิญเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนหนึ่งคนใด แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมและของประเทศ เพราะถ้าเกิดการปฏิรูปสำเร็จประเทศไทยมีทางออก ความขัดแย้งหมดไป ความเรียบร้อย ความสามัคคีในบ้านเมืองเกิดขึ้น คนไทยทุกคนก็จะมีความสุข
ต่อข้อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเวทีเล่นปาหี่กัน นายสุวัจน์ตอบว่า ก็ไม่ทราบ แต่ที่ไปร่วมประชุมไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้น ที่ไปประชุมเพื่อให้ความคิดเห็นในมุมของเรา ซึ่งเรื่องของการปฏิรูปอย่างที่บอกไปคือ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือการเจรจาเรื่องความขัดแย้งสำคัญที่สุด การเจรจาทั้งในที่เปิดเผยหรือไม่เปิดเผยก็แล้วแต่ การเจรจาในเรื่องสันติภาพเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ และทุกคนได้แสดงความคิดเห็นที่เป็นเอกเทศขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละคน คิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่จัดฉากหรืออะไรกัน แต่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายมีความตั้งใจที่อยากเห็นบ้านเมืองเรียบร้อย และตนอยากจะเรียนเชิญจริงๆว่า ถ้าเกิดท่านมีความคิดความเห็นอะไรดีๆ หรือพี่น้องประชาชนหรือฝ่ายต่างๆ ที่ยังไม่ได้เข้ามาน่าที่จะเป็นประโยชน์
สำหรับการปฏิรูปทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เรื่องใดควรเริ่มก่อนนั้น นายสุวัจน์ตอบว่า วันนี้โดยความรู้สึกเหมือนว่าเราขัดแย้งกันเรื่องการเมือง จึงให้น้ำหนักอยู่ที่ภาคการเมือง แต่เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) เรามีการพูดคุยกันว่า ในการปฏิรูปทั้งสามด้านเราน่าจะมีทั้งสองเรื่อง อะไรที่จะต้องปฏิรูปที่เป็นเรื่องเฉพาะหน้า เรื่องเร่งด่วน กับอะไรที่เป็นเรื่องระยะยาวของการพัฒนาประเทศ สมมติถ้าเราบอกว่าวันนี้การเมืองขัดแย้งกัน การเมืองไม่มีทางออก การเมืองทำให้ขาดเสถียรภาพและก่อให้เกิดความไม่มั่นใจก็อาจจะเป็นเรื่องด่วนที่คิดว่าจะหาทางอะไรที่ให้การเมืองได้มีการพูดคุยกันหรือมีกลไกอะไรที่ทำให้มีความเรียบร้อยขึ้น
ต่อข้อถามถึงกลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันที่จะไม่เข้าร่วมจะทำให้ไม่เป็นเอกภาพหรือเปล่า นายสุวัจน์ตอบว่า ตรงนี้เป็นเรื่องที่จะต้องไปทำความเข้าใจกับทุกท่าน เมื่อวานนี้พูดกันในกรรมการว่าอาจมีคณะบุคคลหรือบางคนที่สามารถจะเข้าไปเชิญเพิ่มเติมหรือทำความเข้าใจเพิ่มเติม สมมติถ้าเกิดไม่ได้มาร่วมก็อาจจะให้ความเห็นก็ได้อะไรก็ได้ เพียงแต่เราอยากเห็นการมีส่วนร่วมให้มากเพื่อความสำเร็จ เพราะมีความตั้งใจว่าอยากทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย คนไทยมีความสุข เศรษฐกิจเดินไปได้จะเป็นการสร้างความยั่งยืนให้คนไทยและประเทศไทยด้วย
ส่วนเวทีนี้จะนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมหรือไม่นั้น ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับการจัดตั้งกลไก เมื่อวานนี้เป็นแค่ยกหนึ่ง ฟังความคิดเห็นก่อนว่า ผู้รู้ ผู้หลักผู้ใหญ่แต่ละคนให้ความคิดเห็นในประเด็นไหน และเอาประเด็นที่เป็นตัวร่วมที่หลายๆ คนหยิบขึ้นมาพูดประเด็นเดียวกันจะได้เห็นว่ากรอบควรจะปฏิรูปในประเด็นไหน โดยทุกคนต่างพูดตรงกันว่าควรจะทำทั้งสามด้าน แต่ต่อไปกลไกการขับเคลื่อนจะมีคณะกรรมการ และจะมีการทำงานอย่างไร เสร็จแล้วจะได้ข้อสรุปอะไร และจะปฏิบัติอย่างไรเป็นเรื่องของการพัฒนาอันจะเกิดขึ้นจากการประชุมครั้งต่อไป
ต่อข้อถามว่า สภาปฏิรูปเป็นสิ่งท้าทายที่รัฐบาลจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ มองอย่างไร นายสุวัจน์ตอบว่า เป็นเรื่องที่เหมือนกับคนที่มาเป็นรัฐบาลเขาต้องรับผิดชอบ ถ้าบรรยากาศบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ หรือว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้มันก็ต้องหาทางออกให้ประเทศไทย ฉะนั้น ถูกต้องแล้วที่รัฐบาลจะเป็นผู้ริเริ่มเรื่องนี้ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความร่วมมือด้วย ถ้ามีความร่วมมือกันมากๆ ก็จะได้แนวทางมากๆ ความขัดแย้งน้อยลง มันจะทำให้โอกาสของความสำเร็จมีมากขึ้น ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปเชื้อเชิญฝ่ายต่างๆ ให้เข้ามาร่วมกันมากขึ้น
ส่วนความเห็นส่วนตัวอยากจะเชิญใครเข้ามาร่วมอีกนั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า หลายๆ ฝ่ายที่ยังไม่ได้เข้ามาที่เห็นๆ กันอยู่ตนเห็นว่าต้องเชิญกลุ่มพรรคการเมือง หรือกลุ่มที่ไม่ใช่เป็นพรรคการเมือง แต่เป็นกลุ่มที่แสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือกลุ่มที่เป็นสมาชิกที่อยู่รัฐสภาต่างๆ หรืออาจเป็นกลุ่มนักวิชาการหรือกลุ่มนักธุรกิจที่เขาเข้าใจว่าวันนี้เศรษฐกิจระบบธุรกิจต้องมีความคล่องตัวอย่างไร หรือกลุ่มนักสังคม นักการศึกษา หรือกลุ่มเอ็นจีโอต่างๆ ต้องให้มีความหลากหลาย
ต่อข้อถามว่าเวทีปฏิรูปควรมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีร่วมด้วยหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบว่า ทุกท่านก็สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้ในฐานะที่เป็นคนไทย เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย