ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.ศูนย์วิจัยประมงอ่าวไทยฝั่ง ตอ. ชี้ยังไม่พบสารพิษในสัตว์น้ำ แต่ต้องระวังในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งสารสลายคราบน้ำมันจะตกตะกอนลงทะเล เผยหากย่อยสลายไม่หมดอาจทำให้สัตว์น้ำกินสะสมจนเป็นห่วงโซ่อาหารถึงคน ด้านชมรมการจัดการสิ่งแวดล้อมนิด้า จ.ระยอง นำนักศึกษา 80 คน เก็บข้อมูลและผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบ เพื่อศึกษาเป็นแนวทางแก้ไขในอนาคต
นางรัตนา มั่นประสิทธิ์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง เผยว่า หลังจากที่ศูนย์ฯ ได้ส่งนักประดาน้ำ จำนวน 10 นาย ลงสำรวจ และเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำ และปะการังตามแหล่งปะการังเทียมรอบๆ เกาะเสม็ด เพื่อนำมาตรวจหาสารเคมีที่เกิดจากคราบน้ำมันดิบ รวมทั้งเก็บตัวอย่าง ปู ปลา และหอยมาตรวจ พบว่าขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
แต่หากในอีก 1- 2 เดือนข้างหน้า สารเคมีที่ใช้กำจัดคราบน้ำมันตกตะกอนลงใต้พื้นทะเล และย่อยสลายไม่หมด สัตว์ทะเลก็อาจจะกินเข้าไป และเกิดการสะสม ซึ่งก็จะเกิดผลกระทบเป็นห่วงโซ่อาหารต่อๆ กันไปจนถึงมนุษย์ ทางศูนย์ฯ จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
เช่นเดียวกับ นายลือโรจน์ จินดารัตนวงศ์ ประธานชมรมการจัดการสิ่งแวดล้อมนิด้า จ.ระยอง ที่พร้อมด้วย ดร.ภัคพงศ์ พจนากร อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมนิด้า นำนักศึกษา 80 คน ร่วมศึกษาเก็บข้อมูล และผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบ เพื่อนำไปศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาจากสารเคมีของตัวน้ำมัน และสารที่ใช้ในการสลายน้ำมันว่าจะมีผลกระทบใดเกิดขึ้นหรือไม่
ขณะที่ นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ซึ่งลงพื้นที่หาดอ่าวพร้าวในวันนี้ (3 ส.ค.) กล่าวว่า ชายหาดอ่าวพร้าวเริ่มขาวสะอาดขึ้นแล้ว ส่วนการนำขยะจากคราบน้ำมันออกจากเกาะเสม็ดก็หมดไปแล้วถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำความสะอาดตามโขดหินต่างๆ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 วันจะแล้วเสร็จ
และหลังจากนี้ จังหวัดระยอง จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการเยียวยา อย่างไรก็ดี พบว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าพักยังเกาะเสม็ดอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีการยกเลิกไปบ้างก็ตาม
ส่วนการสำรวจร้านค้า และร้านอาหารทะเลบริเวณตลาดบ้านเพ อ.เมืองระยอง และกลุ่มประมงหาดสวนสน ต.แกลง ของผู้สื่อข่าวในเช้าวันนี้พบว่า แม้จะเป็นวันหยุดที่ปกติจะมีนักท่องเที่ยวออกมาหาซื้ออาหารทะเลไปรับประทาน แต่วันนี้กลับเงียบเหงา ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องปรับลดราคาขายอาหารทะเลลง ไม่ว่าจะเป็นปูม้าขนาดใหญ่ ที่เคยขายราคา กก.ละ 280 บาท เหลือเพียง 80-120 ต่อ กก.
ด้านการติดตามสถานการณ์การจัดเก็บคราบน้ำมัน และทรายปนเปื้อนน้ำมัน รวมทั้งเวเปอร์ซับน้ำมัน ที่หน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันขนย้ายลงเรือหลวงมันใน ซึ่งกองทัพเรือให้การสนับสนุนสำหรับการขนย้ายคราบน้ำมันดังกล่าวไปเก็บไว้ยังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้จัดทีมทำการขจัดคราบน้ำมันบนชายหาดด้วยวิธีดูดซับด้วยวัสดุซับน้ำมัน และฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อทำความสะอาดโขดหินให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ
โดยมีมาตรการเฝ้าระวังทางเรือด้วยการใช้เรือของ PTTGC จำนวน 5 ลำ เฝ้าระวังตรวจสอบในทะเล และวางบูมกั้น รวมทั้งจัดตั้งทีมเฝ้าระวัง และติดตามการกำจัดฟิล์มน้ำมันที่ยังหลงเหลือ
และในวันนี้ เจ้าหน้าที่ของ บริษัท PTTGC ยังได้ร่วมกับทหารเรือ และจิตอาสากว่า 900 คน ทำความสะอาดบริเวณหาดอ่าวพร้าว และส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจผลกระทบทั้งทางบก และทางน้ำ ตั้งแต่ชายหาดสวนสน ก้นอ่าว หินขาว หินดำ เขาแหลมหญ้า หาดแม่รำพึง ด้วยทีมสำรวจเครื่องร่อนพารามอเตอร์เพื่อถ่ายภาพทางอากาศอีกด้วย