กลุ่มประมง ระยอง รวมกลุ่มหารือเรียกร้องหาความจริงใจจาก ปตท. และหน่วยงานราชการ

ระยอง - กลุ่มประมงเรือเล็ก วอน พีทีทีจีซี ช่วยสนับสนุนเงินกองทุนภัยพิบัติ-กองทุนฟื้นฟูกลุ่มประมงพื้นบ้าน พร้อมเผยปูตามติดอวนเป็นเรื่องจริง แต่กลับถูกกล่าวว่าหาว่าพูดเท็จ ซึ่งพวกเราชาวประมงจะหาความจริงใจได้จากใคร ปตท.สร้าง และทำความเสียหายให้แก่พวกเราเดือดร้อนอย่างหนัก ออกทะเลไม่ แต่กลับไม่ลงมาคุยกับกลุ่มประมง

วันนี้ (3 ส.ค.) ที่บริเวณวัดปากน้ำ ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง นายจัตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง เรียกประชุมกลุ่มประมงที่เป็นเครือข่ายฯ หาแนวทางเรื่องการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบแตกรั่วไหลกลางทะเล จำนวน 50,000 ลิตร ห่างจากฝั่ง 20 กิโลเมตร ส่งผลให้คราบน้ำมันกระจายเป็นบริเวณกว้าง และคราบน้ำมันที่ถูกฉีดน้ำยาสารเคมีสลายคราบน้ำมัน ส่งกลิ่นเหม็นทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวไม่กล้าซื้ออาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ไปรับประทานเป็นอาหาร

สร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มอาชีพประมงจำนวนหลายกลุ่ม โดยมีประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง จำนวนมากเข้าร่วมประชุม เช่น กลุ่มแหลมรุ่งเรือง ปากน้ำ กลุ่มปากน้ำบ้านเรา กลุ่มวังแก้ว กลุ่มหินดำ กลุ่มเรือเล็กก้นปึก ก้นอ่าว-แหลมหญ้า กลุ่มคลองแหลมเทียน กลุ่มหินขาว กลุ่มคลองบางกระเฌอ ปากคลองแกลง กลุ่มเนินฆ้อ กลุ่มเรือเล็กหน้าโบสถ์ญวน กลุ่มก้นปึก กลุ่มเนินฆ้อ และอีกหลายพื้นที่

นายจตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง กล่าวว่า หลังกลุ่มประมงประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่ทราบหน่วยงานไหนทำแบบคำร้อง “ขอรับความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล” ให้กรอกรายชื่อและที่อยู่ระบุความเดือดร้อน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารหลักฐานแสดงความเสียหาย ซึ่งสามารถพิสูจน์ความเสียหายได้ และท้ายสุดระบุข้อความว่า “ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่ให้นี้เป็นความจริงทุกประการ หากภายหลังปรากฏว่าข้อมูลที่ให้ไม่ตรงกับความจริง ข้าพเจ้ายินยอมให้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา” คำร้องดังกล่าวไม่ระบุที่มาที่ไปว่าเป็นหน่วยงานไหน และมีการกำหนดระยะเวลามาให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนลงรายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ทั้งที่สถานการณ์คราบน้ำมันยังดำเนินการไม่เรียบร้อย

นายวีระศักดิ์ โตณรงค์ ปฏิคมสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการ จ.ระยอง และได้เสนอเรื่องความเดือดร้อนของกลุ่มประมง แต่ที่ประชุมไม่เข้าใจในความรู้สึกของกลุ่มประมง กรณีมีการเสนอข่าวปูม้าตาย อวนมีคราบน้ำมัน แต่ไม่รู้เป็นกลุ่มประมงจุดไหน ทำให้ผู้ว่าฯ พูดในที่ประชุมว่าคุณเอาข้อมูลเท็จมาบอกพวกเราหรือเปล่า

ซึ่งพวกเราชาวประมงจะทราบดีว่า วางอวนปูม้าเพียงคืนเดียวมันไม่มีอะไรติด แต่ทราบมาว่าอวนจุดดังกล่าวได้วางอวนไว้ก่อนเกิดเหตุน้ำมันรั่ว โดยวางไว้ 3 วัน 3 คืน พอไปเก็บกู้อวนปูแต่ปูตายและติดคราบน้ำมันมาด้วย ตามปกติอวนปูวางไว้ 3-4 คืน ปูก็ไม่ตาย หลังมีข่าวผู้ว่าฯ จึงพูดว่าคุณพูดข้อมูลเท็จ เอาอวนปูไปวางระหว่างที่มีคราบน้ำมันมาใช่ไหม ทำให้ปูตาย และมีติดคราบน้ำมันในเมื่อผู้ว่าฯ พูดอย่างนี้แล้วจะให้พวกเราเข้าใจว่าอย่างไร

นายวีระศักดิ์ กล่าวและว่า ทางผู้บริหาร ปตท.ที่ทำความเสียหายให้แก่พวกเรา แต่กลับไม่ลงมาคุยกับกลุ่มประมง จึงอยากให้ ปตท.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาคุยกับพวกเราบ้างจะได้ทราบว่าขณะนี้ออกไปทำกินในทะเลไม่ได้มีความเดือดร้อนอย่างไรบ้าง

นายสำออย รัตนวิจิตร ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.เนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง และเป็นตัวแทนกลุ่มดูแลทรัพยากรชายฝั่ง จ.ระยอง และภาคตะวันออกกล่าวว่า กรณีเกิดเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลประมาณ 50,000 ลิตร เจ้าหน้าที่ ปตท.ระดมฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันแต่ก็ยังเอาไม่อยู่ คราบน้ำมันถูกคลื่นซัดเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ต.เพ ส่งผลกระทบทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว

รวมทั้งคนที่หากินทรัพยากรธรรมชาติในทะเลก็คือ กลุ่มประมง และมีการเสนอข่าวว่าคราบน้ำมันเข้าชายฝั่งอาจมีผลกระทบต่อสัตว์น้ำทะเล ทำให้กุ้ง หอย ปูม้า ปลา และปลาหมึก ขายไม่ได้ต้องลดราคาขาย สร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มอาชีพประมง จ.ระยอง อย่างหนัก เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม จนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้บริหาร หรือผู้รับผิดชอบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เข้ามาพูดคุยรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพวกราเลย ดีแต่ให้ความสนใจผู้ประกอบการที่พัก รีสอร์ตอย่างเดียว

นายสำออย กล่าวอีกว่า เป็นห่วงเรื่องสารเคมีที่ฉีดพ่นสลายคราบน้ำมันในทะเล มีจำนวนน้ำหนักกี่ตันที่ฉีดลงในทะเล ขอทราบข้อมูลที่แท้จริงก็ไม่มีใครออกมาคุยด้วย เป็นเรื่องที่น่าห่วงในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป่าชายเลนของกลุ่มเรา หลังเกิดเหตุได้เสนอกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1.ตั้งกองทุนภัยพิบัติ และ 2.กองทุนฟื้นฟู เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้ให้เงิน จำนวน 20,000 บาท สนับสนุนตั้งกองทุน 2 กองทุน โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และในวันนี้ได้ชี้แจงให้ทางสมาคมกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง และขอให้สมาชิกร่วมกันบริจาคเงินเข้ากองทุน

นายสำออย กล่าวว่า ฝากถึงผู้บริหารของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ออกมาพูดคุยกับกลุ่มอาชีพประมงบ้าง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมายังไม่มีใครมาพูดคุย และไม่เคยให้ความสำคัญ ความรู้สึกของชาวประมงหากไม่มีการคุยกันกลุ่มประมงก็ต้องออกมารวมตัวกันเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องการเยียวยา และให้บริษัทฯ ช่วยสนับสนุนเงินกองทุนภัยพิบัติและกองทุนฟื้นฟู

ด้านนายราชันย์ เติมต่อ ประธานกลุ่มประมงเรือเล็ก ต.วังแก้ว อ.แกลง จ.ระยอง กล่าวว่า ลูกค้ากลุ่มเจ้าหน้าที่พยาบาล จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่จำนวนกว่า 200 คน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ และเป็นขาประจำทุกปี ได้สั่งให้เตรียมหาอาหารทะเลสด เช่น กุ้ง หอย ปูม้า ปลา และปลาหมึก คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 100,000 บาท โดยวางเงินมัดจำไว้เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาทจะเดินทางมาเที่ยวชายหาดแหลมแม่พิมพ์ อ.แกลง ในวันที่ 8 -9-10-11 สิงหาคม หลังมีข่าวคราบน้ำมันส่งผลกระทบต่ออาหารทะเล ทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่พยาบาลดังกล่าวโทร.แจ้งยกเลิกอาหารทะเลสดทั้งหมด

ซึ่งตนได้โอนเงินค่ามัดจำคืนไปเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าขาประจำอีกหลายกลุ่มที่สั่งอาหารทะเลสดที่จะเดินทางมาเที่ยวแหลมแม่พิมพ์ตั้งแต่เดือนธันวาคม ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ยังไม่ทราบว่าเขาจะสั่งอาหารทะเลสดเหมือนเดิมหรือไม่ยังไม่ทราบได้ เรื่องคราบน้ำมันส่งผลกระทบกลุ่มประมงอย่างหนัก แต่ผู้บริหารบริษัทฯ ต้นเหตุไม่เคยลงมาคุยกันบ้างเลย เหมือนไม่เห็นกลุ่มประมงมีความสำคัญแต่อย่างใด