ศูนย์ข่าวศรีราชา - เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เดินหน้าเก็บข้อมูลผลกระทบจากน้ำมันดิบ ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วไหลกลางทะเล จนกระทบต่อการท่องเที่ยว และส่งผลต่อกลุ่มประมงพื้นบ้าน และผู้ประกอบการ ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรี วันที่ 4 ส.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (1 ส.ค.) นายสมควร ศิริภักดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง ได้จัดให้มีการประชุมกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลกลางทะเล ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) จนพากันวิตกว่า สัตว์น้ำจะได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับชาวประมงนับพันลำ โดยมีนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก และนายจัตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง เป็นผู้รับฟังรายงานผลกระทบเพื่อจัดทำบันทึกเป็นหลักฐาน
ก่อนยื่นเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะเดินทางลงพื้นที่ดูสถานการณ์คราบน้ำมันบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง วันที่ 4 สิงหาคมนี้
โดยนายสุทธิ กล่าวว่า เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกได้กำหนดภารกิจหลัก คือ ให้กลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก รับหน้าที่สำรวจความเสียหายที่เกิดจากคราบน้ำมัน รวมทั้งสำรวจคราบน้ำมันว่ากระจายไปที่ใดบ้าง และทิศทางของคราบน้ำมันที่เจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำยาสลายทั้งทางเรือและอากาศ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสะสมด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
พร้อมรวบรวมสถานการณ์ และปัญหาของน้ำทะเล โดยจะประสานให้องค์กรอิสระ เช่น วุฒิสภา กรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา เข้าร่วมตรวจสอบ เนื่องจากเราไม่มีความมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับว่าเป็นจริงหรือไม่ หรืออาจเป็นข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ จึงต้องให้องค์กรอิสระเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบ หลังจากนั้น จะรวบรวมข้อมูลเสนอไปยังรัฐบาล เพราะเราอยากเห็นการสร้างกลไกในการบำบัดและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
นายสุทธิ กล่าาว่า สิ่งที่เป็นความวิตกกังวลของชาวบ้าน และกลุ่มประมงพื้นบ้านเกี่ยว คือ หลังสลายคราบน้ำมันให้จมลงทะเลแล้ว จะไม่มีการดูแลต่อไป ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือดูแลคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้ โดยจะทำเป็นข้อเสนอหลัก ส่วนกลไกที่จะนำเสนอนั้น อยากให้ทางรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ หรือจะแต่งตั้งคนกลางเข้ามาเป็นคณะกรรมการพิจารณา เรื่องการบำบัดและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากคราบน้ำมัน รวมทั้งให้ประเมินผลต่อเนื่องระยะยาว 3-5 ปี ส่วนการเยียวยาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสิ่งสุดท้าย คือ ต้องมีมาตรการในการป้องกัน โดยใช้เหตุการณ์ท่อนำมันดิบรั่วครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ในการผลักดันมาตรการป้องกันที่ดีกว่าเดิม
ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรี รับข้อมูลที่เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นำเสนอไปแล้วไม่มีความคืบหน้า ก็จะประสานสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เพื่อหาช่องทางฟ้อง และบังคับให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดวันนี้ว่า ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมา เนื่องจากพื้นที่ท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดด้านหน้าทิศตะวันออก ยังมีน้ำทะเลที่ใสและสวยงาม โดยจุดที่เกิดปัญหาอยู่เฉพาะบริเวณอ่าวพร้าวเพียงแห่งเดียว
