ศูนย์ข่าวศรีราชา - บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 10 แสดงความขอบคุณพนักงานจิตอาสาและหน่วยงานต่างๆ ในการจัดเก็บคราบน้ำมัน พร้อมชี้แจงแนวทางสำรวจผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะที่ชาวประมงพบคราบน้ำมันดิบที่ถูกกระแสคลื่นลมแรงซัดเกยหาดยาว 100 เมตร
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้(1 ส.ค.) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 10 แสดงความขอบคุณพนักงานจิตอาสา PTTGC จากหน่วยงานต่างๆ กว่า 1 พันคน ประกอบด้วย บมจ. ปตท. สมาคมเพื่อนชุมชน อสม. อพปร.(ระยอง) กรมอุทยานฯ บมจ. ไออาร์พีซี และพนักงานกลุ่มบริษัท PTTGC และยังระบุว่าได้รับความร่วมมือจากภาครัฐเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการขจัดคราบน้ำมันและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
ซึ่งบริษัทได้ร่วมกับจังหวัดระยอง กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการกำจัดคราบน้ำมันให้หมดเป็นภารกิจเร่งด่วน และที่บริเวณชายหาด ยังคงทำการวางแนวบูมดูดซับน้ำมัน (Absorbent Boom) จากชายหาดลงถึงในทะเล เพื่อให้สามารถดูดซับน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น ทั้งบริเวณหัวและท้ายอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าว
นอกจากนี้ยังใช้ Vacuum Truck นำน้ำมันดิบ (Oil Slick) ที่เก็บขึ้นมาออกจากบริเวณอ่าวพร้าว เพื่อนำไปกำจัดตามมาตรฐาน
ส่วนปฏิบัติการทางเรือ ยังคงใช้เรือของ PTTGC 6 ลำ และเรือของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 2 ลำ ทำการวางบูมกั้นคราบน้ำมันอีก 2 จุด และจัดเรือตรวจรอบเกาะตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่มาตรการเฝ้าระวังผลกระทบต่อชุมชน ผู้บริหารและทีมชุมชนสัมพันธ์ได้ลงพื้นที่เพื่อดูแลสถานการณ์ และชี้แจงกับชุมชน รวมทั้งให้ข้อมูลการแก้ปัญหา และเก็บข้อมูลผลกระทบ และข้อกังวลต่างๆของชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ และบุคคลทั่วไปบนเกาะเสม็ดและหาดต่างๆ ทั้งรวบรวมข้อมูลร้องเรียนหรือปัญหาความเดือดร้อนร่วมกับศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของจังหวัดระยอง
โดยได้จัดทีมสำรวจผลกระทบทั้งทางบก และทางน้ำ ตั้งแต่หาดสวนสน ก้นอ่าว หาดหินขาว เขาแหลมหญ้า หาดแม่รำพึง และยังทำการสำรวจเฝ้าระวังใต้น้ำ โดยทีมนักประดาน้ำของ PTT Group SEAL รวมทั้งการใช้เครื่องร่อน Para glider สำรวจและถ่ายภาพทางอากาศเพื่อเฝ้าระวังและสร้างความมั่นใจในผลของการสำรวจผลกระทบอีกทางหนึ่ง
ด้านการติดตามวิเคราะห์ผลกระทบอื่นๆ นั้น บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง เก็บตัวอย่างปลาและสัตว์น้ำตามจุดต่างๆ รอบเกาะเสม็ด ส่งไปตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในทุกวัน และยังได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนฟื้นฟูทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การท่องเที่ยวและอาชีพทั้งระยะสั้นและระยะยาว
.วันเดียวกันสื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายจัตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง ว่าชาวประมงเรือเล็กได้พบคราบน้ำมันเต็มชายหาด ซึ่งอยู่ติดกับท่าเรือน้ำลึกของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)ต.เชิงเนิน อ.เมือง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบเจ้าหน้าที่ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)และพนักงานเทศบาลนครระยอง กำลังทำการเก็บกวาดคราบน้ำมันบริเวณชายหาด เป็นระยะทางยาว 100 เมตร และนำไปเก็บไว้ในโรงงาน
ซึ่งจากการสอบถามชาวประมงทราบว่า มีคราบน้ำมันลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆสีดำเหนียวติดมืออยู่เต็มชายหาดตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา และเชื่อว่าเป็นคราบน้ำมันที่รั่วไหลจากท่อรับน้ำมันดิบ ที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้เรือหลายลำ และเครื่องบิน ทำการฉีดพ่นน้ำยาเพื่อสลายคราบน้ำมันให้แตกเป็นก้อนเล็กๆ ให้จมลงก้นทะเล โดยคาดว่ากลุ่มก้อนเล็กของคราบน้ำมันที่จมลงสู่ก้นทะเล ได้ถูกกระแสคลื่นลมที่แรงซัดเข้าเกยหาด
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้(1 ส.ค.) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 10 แสดงความขอบคุณพนักงานจิตอาสา PTTGC จากหน่วยงานต่างๆ กว่า 1 พันคน ประกอบด้วย บมจ. ปตท. สมาคมเพื่อนชุมชน อสม. อพปร.(ระยอง) กรมอุทยานฯ บมจ. ไออาร์พีซี และพนักงานกลุ่มบริษัท PTTGC และยังระบุว่าได้รับความร่วมมือจากภาครัฐเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการขจัดคราบน้ำมันและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
ซึ่งบริษัทได้ร่วมกับจังหวัดระยอง กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ดำเนินการกำจัดคราบน้ำมันให้หมดเป็นภารกิจเร่งด่วน และที่บริเวณชายหาด ยังคงทำการวางแนวบูมดูดซับน้ำมัน (Absorbent Boom) จากชายหาดลงถึงในทะเล เพื่อให้สามารถดูดซับน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น ทั้งบริเวณหัวและท้ายอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าว
นอกจากนี้ยังใช้ Vacuum Truck นำน้ำมันดิบ (Oil Slick) ที่เก็บขึ้นมาออกจากบริเวณอ่าวพร้าว เพื่อนำไปกำจัดตามมาตรฐาน
ส่วนปฏิบัติการทางเรือ ยังคงใช้เรือของ PTTGC 6 ลำ และเรือของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 2 ลำ ทำการวางบูมกั้นคราบน้ำมันอีก 2 จุด และจัดเรือตรวจรอบเกาะตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่มาตรการเฝ้าระวังผลกระทบต่อชุมชน ผู้บริหารและทีมชุมชนสัมพันธ์ได้ลงพื้นที่เพื่อดูแลสถานการณ์ และชี้แจงกับชุมชน รวมทั้งให้ข้อมูลการแก้ปัญหา และเก็บข้อมูลผลกระทบ และข้อกังวลต่างๆของชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ และบุคคลทั่วไปบนเกาะเสม็ดและหาดต่างๆ ทั้งรวบรวมข้อมูลร้องเรียนหรือปัญหาความเดือดร้อนร่วมกับศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของจังหวัดระยอง
โดยได้จัดทีมสำรวจผลกระทบทั้งทางบก และทางน้ำ ตั้งแต่หาดสวนสน ก้นอ่าว หาดหินขาว เขาแหลมหญ้า หาดแม่รำพึง และยังทำการสำรวจเฝ้าระวังใต้น้ำ โดยทีมนักประดาน้ำของ PTT Group SEAL รวมทั้งการใช้เครื่องร่อน Para glider สำรวจและถ่ายภาพทางอากาศเพื่อเฝ้าระวังและสร้างความมั่นใจในผลของการสำรวจผลกระทบอีกทางหนึ่ง
ด้านการติดตามวิเคราะห์ผลกระทบอื่นๆ นั้น บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง เก็บตัวอย่างปลาและสัตว์น้ำตามจุดต่างๆ รอบเกาะเสม็ด ส่งไปตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในทุกวัน และยังได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนฟื้นฟูทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การท่องเที่ยวและอาชีพทั้งระยะสั้นและระยะยาว
.วันเดียวกันสื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายจัตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง ว่าชาวประมงเรือเล็กได้พบคราบน้ำมันเต็มชายหาด ซึ่งอยู่ติดกับท่าเรือน้ำลึกของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)ต.เชิงเนิน อ.เมือง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบเจ้าหน้าที่ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)และพนักงานเทศบาลนครระยอง กำลังทำการเก็บกวาดคราบน้ำมันบริเวณชายหาด เป็นระยะทางยาว 100 เมตร และนำไปเก็บไว้ในโรงงาน
ซึ่งจากการสอบถามชาวประมงทราบว่า มีคราบน้ำมันลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆสีดำเหนียวติดมืออยู่เต็มชายหาดตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา และเชื่อว่าเป็นคราบน้ำมันที่รั่วไหลจากท่อรับน้ำมันดิบ ที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้เรือหลายลำ และเครื่องบิน ทำการฉีดพ่นน้ำยาเพื่อสลายคราบน้ำมันให้แตกเป็นก้อนเล็กๆ ให้จมลงก้นทะเล โดยคาดว่ากลุ่มก้อนเล็กของคราบน้ำมันที่จมลงสู่ก้นทะเล ได้ถูกกระแสคลื่นลมที่แรงซัดเข้าเกยหาด