สงฆ์ศรีสะเกษสั่งพระเณรวัด “สมีคำ ”ทุกรูปกลับต้นสังกัด ให้ปลดป้ายวัดเถื่อน

ศรีสะเกษ - คณะสงฆ์ศรีสะเกษ เรียกประชุมพระวัด “สมีคำ” สั่งให้พระสงฆ์สามเณรทุกรูปย้ายกลับต้นสังกัดก่อนเข้าพรรษา พร้อมให้ปลดป้ายวัดเถื่อนขันติธรรม เหตุยังไม่เป็นวัดถูก กม. และไม่ให้เป็นที่ครหาหลอกลวง ปชช. ขณะพระลูกศิษย์บางรูปหลั่งน้ำตาเชื่อ “ไอ้คำ” ไม่ได้รับความเป็นธรรมอ้างตัดสินฝ่ายเดียว แต่อดีตเณรคำยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง

เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พระครูกิตติวรโสภณ เจ้าคณะ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต พระครูธรรมธรคำไข คณะทำงานสอบอธิกรณ์พระวิรพล สุขผล นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ พ.อ.ชัชนันท์ เมธีธรรมาภรณ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และคณะ ได้เดินทางไปประชุมร่วมกันพระสงฆ์ สามเณร ของวัดป่าขันติธรรม ซึ่งมีพระสงฆ์อยู่จำนวน 21 รูป และสามเณรอีกจำนวน3 รูป

พร้อมกันนี้ ได้มีชาวบ้านดู่ และบ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ รวมทั้ง นางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินจัดสร้างวัดป่าขันติธรรมเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.กันทรารมย์ จำนวน 5 นาย มาคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่

พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวในที่ประชุมว่า ในการมาประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการดำเนินการแก้ปัญหาของวัดป่าขันติธรรม ที่กำลังเป็นข่าวอื้อฉาวทางสื่อสารมวลชนทุกแขนง และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา ทางคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต จึงมีมติว่า ให้พระสงฆ์ และสามเณรในวัดป่าขันติธรรมทุกรูปกลับไปจำพรรษาอยู่ที่สังกัดเดิม โดยให้กลับไปวัดต้นสังกัดก่อนเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ ซึ่งหลังจากออกพรรษาแล้วหากพระสงฆ์ และสามเณรรูปใดจะกลับมาอยู่ที่วัดป่าขันติธรรมเช่นเดิม ให้อยู่ในการพิจารณาของเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัดว่าจะให้กลับมาหรือไม่อย่างไร

พระครูวัชรสิทธิคุณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แล้วเกี่ยวกับป้ายวัดป่าขันติธรรมนั้น เนื่องจากยังไม่ได้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้กรรมการวัดได้นำเอาป้ายวัดป่าขันติธรรมลงก่อนโดยอาจเปลี่ยนป้ายใหม่ว่าเป็น สำนักสงฆ์ขันติธรรม หรือเป็นที่พักสงฆ์ ธรรมดาก็ได้ แล้วแต่จะตกลงกัน ทั้งนี้ เพื่อจะได้ป้องกันการเข้าใจผิดของประชาชนทั่วไปว่า วัดป่าขันติธรรมมีการตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาว่าขึ้นป้ายว่าวัดป่าขันติธรรม เป็นการหลอกลวงประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พระครูวัชรสิทธิคุณ กำลังแจ้งที่ประชุมอยู่นั้น ปรากฏว่า ได้มีพระรูปหนึ่งซึ่งเป็นพระลูกศิษย์ของอดีตพระวิรพล ฉัตติโก สอบถามว่า ก่อนที่จะให้พระสงฆ์ และสามเณรทั้งหมดออกไปจากวัดป่าขันติธรรม น่าจะได้มีการแจ้งเป็นหนังสือให้ทราบก่อน ซึ่งขณะนี้พระสงฆ์ และสามเณรทุกรูปของวัดป่าขันติธรรมไม่เชื่อว่าหลวงปู่เณรคำมีความผิดจริง เนื่องจากเป็นการกล่าวหาเพียงฝ่ายเดียวจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจากคณะสงฆ์ศรีสะเกษ โดยที่หลวงปู่เณรคำยังไม่ได้เข้ามาชี้แจงแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ดังนั้น พวกเราจึงขอดูหลักฐานการกล่าวหาว่า หลวงปู่เณรคำ กระทำผิดพระธรรมวินัยด้วย

จากนั้น พระครูวัชรสิทธิคุณ ได้แจ้งให้ทราบว่า หลังจากประชุมแล้วจะแจ้งให้พระที่สงสัยได้มาดูหลักฐานข้อมูลทั้งหมดว่า อดีตพระวิรพล ได้กระทำผิดพระธรรมวินัยข้อใดบ้าง ทั้งเรื่องการเสพเมถุน การฉ้อโกงประชาชน และการฟอกเงิน

ทางด้าน พระครูธรรมธรคำไข คณะทำงานสอบอธิกรณ์พระวิรพล สุขผล กล่าวว่า คณะสงฆ์ศรีสะเกษต้องเข้ามาควบคุมดูแลภายในวัดป่าขันติธรรม เพื่อจัดระเบียบให้เรียบร้อยถูกต้องตาม พ.ร.บ.สงฆ์ และตามพระธรรมวินัยที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบพฤติกรรมของพระในวัดป่าขันติธรรม พบว่า พระสงฆ์หลายรูปยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับการเป็นสมณเพศ เช่น การยกนิ้วโป้งให้พระผู้ใหญ่ การโต้เถียงพระผู้ใหญ่ ไม่ฟังคำอบรมสั่งสอนของพระผู้ใหญ่

ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งคาดว่าเกิดจากการที่พระสงฆ์เหล่านี้บวชแล้วมาอยู่ที่วัดแห่งนี้ไม่ได้มีการอบรมบ่มนิสัยให้รู้ถึงระเบียบปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ และสามเณรว่าควรประพฤติตนอย่างไร ให้อยู่ในกรอบพระธรรมวินัยอย่างไร ซึ่งหลังจากที่พระเหล่านี้กลับไปอยู่ที่ตนสังกัดเดิมแล้วมีสิทธิที่จะกลับมาอยู่ที่วัดป่าขันติธรรมแห่งนี้อีก หากได้รับการอบรมให้รู้ถึงกฎระเบียบของพระธรรมวินัยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่พระสงฆ์ และสามเณรได้เห็นหลักฐานที่อดีตพระวิรพล กระทำผิดพระธรรมวินัยแล้ว ระบางรูปถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ และพากันกล่าวว่า การที่มีการขับไล่พระที่วัดป่าขันติธรรมออกไปหลังจากที่ไม่มีหลวงปู่เณรคำแล้ว พระผู้ใหญ่บางรูปของ จ.ศรีสะเกษ ต้องการที่จะเอาพระที่เป็นพวกของตัวเองเข้ามาบริหารวัดป่าขันติธรรม เนื่องจากเห็นว่าวัดป่าขันติธรรม เป็นวัดที่มีผู้บริจาคเงินทองเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม พวกตนพร้อมที่ปฏิบัติตามมติสงฆ์ของ จ.ศรีสะเกษ ที่ให้กลับวัดต้นสังกัดเดิมต่อไป