ศรีสะเกษ - พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษชี้ หากตรวจสอบพบว่า “หลวงปู่เณรคำ” เป็นพระไร้สังกัด ต้องถูกบทลงโทษตามมาตรา 27 พ.ร.บ.สงฆ์ ให้สละสมณเพศ ขณะดีเอสไอรับคดีเณรคำเป็นคดีพิเศษแล้ว พร้อมเชิญกัปตันเครื่องบินเจ็ตให้ข้อมูลมัด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (9 ก.ค.) ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษฝ่ายธรรมยุต และเลขานุการคณะกรรมการสอบสวนกรณีฉาว พระวิรพล ฉัตติโก เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตจังหวัดอุบลราชธานีได้ออกมาชี้แจงเรื่องสังกัดวัดของ พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระฉาวชื่อดังว่า พระวิรพลได้ขอย้ายออกจากวัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อไปเป็นประธานสงฆ์สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2549 นั้น ในส่วนนี้อาตมาได้รับมอบหมายจาก พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยในเบื้องต้นจากการตรวจสอบเอกสารใบสุทธิของพระวิรพล ระบุชี้ชัดว่าเป็นพระลูกวัดในสังกัดของวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี แต่เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ จ.ศรีสะเกษ ประกอบกับการทำงานของคณะสงฆ์แต่ละพื้นที่มีบทบาทที่แตกต่างกัน คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต จ.อุบลราชธานี มีหน้าที่พิจารณาสังกัดของหลวงปู่เณรคำ แต่โดยพฤตินัยหลวงปู่เณรคำได้มาสร้างที่พักสงฆ์ขันติธรรม ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษและเกิดอธิกรณ์ขึ้นที่นี่ จึงเป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ที่จะต้องทำการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
พระครูวัชรสิทธิคุณ กล่าวต่อว่า หากเข้าใจในบทบาทและหน้าที่จะเห็นได้ว่า คณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานี และคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หลังจากกระบวนการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเสร็จสิ้น ก็จะเป็นกระบวนการประมวลข้อเท็จจริง ซึ่งต้องมีการนำข้อมูลจากฝ่ายคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ และฝ่ายบ้านเมือง มารวบรวมเพื่อวิเคราะห์และวินิจฉัยมูลเหตุข้อเท็จจริงร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งในหลักการทำงานต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ใช่ทำงานตามคำกล่าวอ้าง
ทั้งนี้ ทางสังคมโลกมีกฎหมายข้อบังคับต่างๆ ในสังคมสงฆ์ก็มีกฎระเบียบและธรรมวินัยเพื่อควบคุมดูแลของพฤติกรรมของพระภิกษุสงฆ์ เช่นกัน ซึ่งในตอนนี้จะเห็นได้ว่า สังคมทางโลกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวนข้อเท็จจริงของพฤติกรรมพระวิรพล เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า สังคมทางโลกให้ความสนใจและต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
พระครูวัชรสิทธิคุณกล่าวต่อว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระวิรพล เป็นพระไร้สังกัด ซึ่งถือว่าเป็นพระที่ไม่เข้าหมู่คณะสงฆ์และไม่สามารถให้โอวาทหรืออบรมสั่งสอนผู้ใดได้ เพราะไม่มีพระอุปัชฌาย์ ไม่มีพระผู้สวด ไม่มีครูบาอาจารย์ ตามระเบียบของพระธรรมวินัย ประกอบกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ ระบุไว้ว่า พระภิกษุต้องสังกัดวัดใดวัดหนึ่ง และต้องมีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ถ้าพระภิกษุไม่มีวัดสังกัด และไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์มาตรา 27 บัญญัติว่า ให้พระภิกษุนั้นสละสมณเพศ ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้จะต้องมีการหารือร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง เพื่อหามูลเหตุและข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป
ทางด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้นำเรื่องการสอบสวนพระวิรพล ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กรณีถูกกล่าวหาว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ สรุปรายงานเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว
จากการที่ตนและคณะได้ลงไปทำการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ พบพยานหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำผิดของพระวิรพลค่อนข้างชัดเจนมากว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายการกระทำผิดคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระทำชำเราเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี การพรากผู้เยาว์ การมั่วสุมดื่มสุรา เสพยาเสพติด เสพเมถุนกับผู้หญิง รวมทั้งการขับรถชนคนตายที่มีพยานยืนยันชัดเจนน่าเชื่อถือมาก
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ (9 ก.ค. ) ตนได้เชิญ กัปตันปิยะ ตรีกาลนนท์ ที่พระวิรพลเคยไปใช้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ และได้จัดหาเครื่องบินเจ็ต แบบ 7 ที่นั่ง ให้ใช้ในการเดินทาง โดยพระวิรพลจ่ายค่าใช้บริการเป็นเงินสดเสมอ รวมทั้งได้เคยเห็นพระวิรพล มีเงินดอลลาร์และทองคำแท่งเต็มย่าม โดยจะได้ทำการสอบสวนเกี่ยวกับการพบเงิน ดอลลาร์ และทองคำแท่ง และการที่พระวิรพลจะมีการจัดซื้อเครื่องบินด้วย ซึ่งการสอบสวนในครั้งนี้จะช่วยให้พยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายของพระวิรพลแน่นหนามากยิ่งขึ้น