พิจิตร - ผู้ว่าฯ พิจิตรเผย DSI มาแน่ สางคดีโรงสีฉาวโกงชาวนา-ยักยอกข้าวเปลือก-ข้าวสาร อ.ต.ก. ล่าสุดมีชาวนาตกเป็นเหยื่อมากถึง 320 ราย ข้าวหาย 1.2 หมื่นตัน ออกหมายจับแล้ว 4 คน พร้อมสั่งเก็บธงฟ้า-ป้ายโครงการรับจำนำหน้าโรงสีแสบแล้ว แต่เจอพิรุธชาวนาโพทะเลอ้างถูกโกงด้วย แต่ยังไม่ยอมแจ้งความ
วันนี้ (26 มิ.ย.) นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯ พิจิตร เปิดเผยความคืบหน้าคดีโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ฉ้อโกงชาวนา ว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียหายที่เป็นชาวนา 320 ราย ข้าวเปลือก-ข้าวสารของ อ.ต.ก.หายไป 12,000 ตัน ตำรวจออกหมายจับแล้ว 4 คน คือ นายอำนาจ ดิษฐเสถียร “เสี่ยแกละ” เจ้าของท่าข้าวหัวดง, นายมุนินทร์ จันทรา หรือเสี่ยหนุ่ม เจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด, นางสาวณัฐริญา บุญเกื้อ กรรมการผู้จัดการโรงสีฯ และนายณัฐกิตติ์ อนันต์ชรินทร์ เจ้าหน้าที่ประจำโรงสีฯ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง
นอกจากนี้ตนยังได้สั่งให้เพิกถอนโรงสีดังกล่าวออกจากโครงการรับจำนำ เก็บธงฟ้า พร้อมป้ายโครงการรับจำนำออกจากหน้าโรงสีแล้ว ทำให้บรรยากาศของโรงสีมีแต่ความเงียบเหงา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 นายที่สลับสับเปลี่ยนกันเฝ้าตรวจตราโรงสีอยู่เท่านั้น
นายจักรินกล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI กระทรวงยุติธรรม ให้ความสนใจ และอาจจะลงพื้นที่มาสอบสวนด้วยตนเองเพราะเป็นคดีเศรษฐกิจ
ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ เบื้องต้นนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพิจิตร โดยใช้ชื่อบัญชีว่า “กองทุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพิจิตร” เลขที่บัญชี 650-224-808-7 -ธนาคารกรุงไทย จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาพิจิตร เลขบัญชี 610-052-424-4 เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ และเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ พิจิตรได้สละเงินเดือน 2 เดือนเพื่อสมทบทุนเข้ากองทุน เช่นเดียวกับนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร พร้อมรองนายก อบจ.อีก 2 คน คือ นายสุกิจ พรธาดาวิทย์ ประธานสภา อบจ.พิจิตร และรองประธานสภา อบจ.พิจิตร อีก 2 คน รวมถึงนายบรรพชา พงศ์อายุกูล ส.ว.พิจิตร ก็แสดงเจตจำนงบริจาคเข้ากองทุนนี้ 1 แสนบาท จนมีทุนตั้งต้นแล้วกว่า 5 แสนบาท นอกจากนี้ยังจะมีการนำเงินรายได้จากการขายบัตรการแข่งขันฟุตบอลพิจิตร FC กับพิษณุโลก FC ที่สนามกีฬาพิจิตร ในวันที่ 29 มิ.ย. 56 นี้หักค่าใช้จ่ายสมทบเข้ากองทุนนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนของการแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตร จนถึงวันนี้ พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งความจากชาวนา 3 ตำบลของ อ.เมืองพิจิตร ได้เกือบครบทั้ง 96 คนแล้ว มีเพียงบางคนที่ยังขาดเอกสารและต้องนำมาแสดงเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายในวันศุกร์นี้คงเสร็จสิ้น
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าชาวนา อ.โพทะเลที่อ้างว่าถูกโรงสีฉ้อโกงในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งได้สั่งการให้นายวีระเกียรติ รัมณีย์รัตนากุล นอภ.โพทะเล นัดชาวนาทั้งหมดมาประชุมร่วมกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมประชุมประมาณ 100 คน
จากนั้นผู้ว่าฯ พิจิตรได้นำ พ.ต.อ.เสนอ อยู่สงฆ์ ผกก.สภ.โพทะเล และ พ.ต.ท.นิภัทร์ มีมุสิทธิ์ คณะทำงานจากกองบังคับการตำรวจภูธรพิจิตร รวมถึงเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก. อคส. การค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด ชี้แจงข้อมูลให้กลุ่มชาวนาว่า ถ้าได้รับความเสียหายต้องแจ้งความเพื่อจะดำเนินคดีอาญา โดยขอให้นำทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ตั๋วชั่งข้าวที่ได้รับจากโรงสี หนังสือรับรองความเป็นเกษตรกร รวมถึงสำเนาเอกสารสิทธิที่ดินที่ใช้ทำนา เพื่อดูว่าทำนากี่ไร่ ได้ข้าวกี่ตัน
ทั้งนี้ เพื่อจะได้สอบสวนและเสนอขอการเยียวยาจากรัฐบาล หรือถ้ามีรายใดส่งมอบให้โรงสีแล้วได้รับเงินบางส่วนก็จะเปลี่ยนเป็นคดีแพ่งก็ขอให้นำเอกสารมาด้วย แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือเคยทำไปอย่างไรขอให้ถือเจตนาบริสุทธิ์มาปรึกษากับพนักงานสอบสวนลงประจำวัน เพื่อจะได้ประมวลข้อมูลทั้งหมดรายงานจังหวัด และขอความช่วยเหลือขอเงินเยียวยาจากรัฐบาล
หลังการชี้แจงนานกว่า 2 ชั่วโมงก็มีการถามว่ามีใครไม่เข้าใจหรือไม่? ปรากฏว่าทุกคนเข้าใจหมด จากนั้นนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ตัวแทนชาวนาภาคเหนือ ก็ได้ถามว่า ใครตัดสินใจและพร้อมที่จะไปแจ้งความก็ขอให้ยกมือขึ้น ปรากฏว่าไม่มีชาวนาโพทะเลคนไหนยกมือบอกว่าจะไปแจ้งความเลยแม้แต่รายเดียว กรณีนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ชาวนาอาจมีส่วนรู้เห็นกับเหตุฉ้อโกงที่เกิดขึ้น มีการสวมสิทธิเกษตรกร ทำให้เกิดสต๊อกลมขึ้นมาได้
วันนี้ (26 มิ.ย.) นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯ พิจิตร เปิดเผยความคืบหน้าคดีโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ฉ้อโกงชาวนา ว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียหายที่เป็นชาวนา 320 ราย ข้าวเปลือก-ข้าวสารของ อ.ต.ก.หายไป 12,000 ตัน ตำรวจออกหมายจับแล้ว 4 คน คือ นายอำนาจ ดิษฐเสถียร “เสี่ยแกละ” เจ้าของท่าข้าวหัวดง, นายมุนินทร์ จันทรา หรือเสี่ยหนุ่ม เจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด, นางสาวณัฐริญา บุญเกื้อ กรรมการผู้จัดการโรงสีฯ และนายณัฐกิตติ์ อนันต์ชรินทร์ เจ้าหน้าที่ประจำโรงสีฯ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง
นอกจากนี้ตนยังได้สั่งให้เพิกถอนโรงสีดังกล่าวออกจากโครงการรับจำนำ เก็บธงฟ้า พร้อมป้ายโครงการรับจำนำออกจากหน้าโรงสีแล้ว ทำให้บรรยากาศของโรงสีมีแต่ความเงียบเหงา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 นายที่สลับสับเปลี่ยนกันเฝ้าตรวจตราโรงสีอยู่เท่านั้น
นายจักรินกล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI กระทรวงยุติธรรม ให้ความสนใจ และอาจจะลงพื้นที่มาสอบสวนด้วยตนเองเพราะเป็นคดีเศรษฐกิจ
ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ เบื้องต้นนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพิจิตร โดยใช้ชื่อบัญชีว่า “กองทุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพิจิตร” เลขที่บัญชี 650-224-808-7 -ธนาคารกรุงไทย จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาพิจิตร เลขบัญชี 610-052-424-4 เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ และเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ พิจิตรได้สละเงินเดือน 2 เดือนเพื่อสมทบทุนเข้ากองทุน เช่นเดียวกับนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร พร้อมรองนายก อบจ.อีก 2 คน คือ นายสุกิจ พรธาดาวิทย์ ประธานสภา อบจ.พิจิตร และรองประธานสภา อบจ.พิจิตร อีก 2 คน รวมถึงนายบรรพชา พงศ์อายุกูล ส.ว.พิจิตร ก็แสดงเจตจำนงบริจาคเข้ากองทุนนี้ 1 แสนบาท จนมีทุนตั้งต้นแล้วกว่า 5 แสนบาท นอกจากนี้ยังจะมีการนำเงินรายได้จากการขายบัตรการแข่งขันฟุตบอลพิจิตร FC กับพิษณุโลก FC ที่สนามกีฬาพิจิตร ในวันที่ 29 มิ.ย. 56 นี้หักค่าใช้จ่ายสมทบเข้ากองทุนนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนของการแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตร จนถึงวันนี้ พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งความจากชาวนา 3 ตำบลของ อ.เมืองพิจิตร ได้เกือบครบทั้ง 96 คนแล้ว มีเพียงบางคนที่ยังขาดเอกสารและต้องนำมาแสดงเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายในวันศุกร์นี้คงเสร็จสิ้น
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าชาวนา อ.โพทะเลที่อ้างว่าถูกโรงสีฉ้อโกงในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งได้สั่งการให้นายวีระเกียรติ รัมณีย์รัตนากุล นอภ.โพทะเล นัดชาวนาทั้งหมดมาประชุมร่วมกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมประชุมประมาณ 100 คน
จากนั้นผู้ว่าฯ พิจิตรได้นำ พ.ต.อ.เสนอ อยู่สงฆ์ ผกก.สภ.โพทะเล และ พ.ต.ท.นิภัทร์ มีมุสิทธิ์ คณะทำงานจากกองบังคับการตำรวจภูธรพิจิตร รวมถึงเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก. อคส. การค้าภายใน พาณิชย์จังหวัด ชี้แจงข้อมูลให้กลุ่มชาวนาว่า ถ้าได้รับความเสียหายต้องแจ้งความเพื่อจะดำเนินคดีอาญา โดยขอให้นำทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ตั๋วชั่งข้าวที่ได้รับจากโรงสี หนังสือรับรองความเป็นเกษตรกร รวมถึงสำเนาเอกสารสิทธิที่ดินที่ใช้ทำนา เพื่อดูว่าทำนากี่ไร่ ได้ข้าวกี่ตัน
ทั้งนี้ เพื่อจะได้สอบสวนและเสนอขอการเยียวยาจากรัฐบาล หรือถ้ามีรายใดส่งมอบให้โรงสีแล้วได้รับเงินบางส่วนก็จะเปลี่ยนเป็นคดีแพ่งก็ขอให้นำเอกสารมาด้วย แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือเคยทำไปอย่างไรขอให้ถือเจตนาบริสุทธิ์มาปรึกษากับพนักงานสอบสวนลงประจำวัน เพื่อจะได้ประมวลข้อมูลทั้งหมดรายงานจังหวัด และขอความช่วยเหลือขอเงินเยียวยาจากรัฐบาล
หลังการชี้แจงนานกว่า 2 ชั่วโมงก็มีการถามว่ามีใครไม่เข้าใจหรือไม่? ปรากฏว่าทุกคนเข้าใจหมด จากนั้นนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ตัวแทนชาวนาภาคเหนือ ก็ได้ถามว่า ใครตัดสินใจและพร้อมที่จะไปแจ้งความก็ขอให้ยกมือขึ้น ปรากฏว่าไม่มีชาวนาโพทะเลคนไหนยกมือบอกว่าจะไปแจ้งความเลยแม้แต่รายเดียว กรณีนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ชาวนาอาจมีส่วนรู้เห็นกับเหตุฉ้อโกงที่เกิดขึ้น มีการสวมสิทธิเกษตรกร ทำให้เกิดสต๊อกลมขึ้นมาได้