ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ธานินทร์” เป็นประธานระดมหัวหน้าส่วนราชการประชุมซักซ้อมความเข้าใจนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล แจงกรณีปรับลดราคาข้าว อ้างรัฐบาลต้องทำเพราะกระทบวินัยการคลัง-ความเชื่อมั่นต่างชาติ ชี้ถึงลดเงินแต่ไม่กระทบเพราะลดแค่ส่วนกำไร ด้านตัวแทนชาวนายันอยากได้วงเงินเดิมมากกว่า
ตัวแทนชาวนาในจังหวัดเชียงใหม่ยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาลในระหว่างการประชุมซักซ้อมความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ (21 มิ.ย.) ที่โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่าต้องการให้รัฐบาลทบทวนมติการปรับลดราคารับจำนำข้าว รวมทั้งเดินหน้าดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รับปากที่จะนำความเห็นต่างๆ เสนอให้รัฐบาลพิจารณา
การประชุมดังกล่าว ซึ่งมีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุม และมีหัวหน้าและผู้แทนจากส่วนราชการต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมนั้น ได้เชิญตัวแทนจากกลุ่มชาวนาเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย เนื่องจากหนึ่งในหัวข้อที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จะแจ้งต่อที่ประชุมได้แก่กรณีการปรับลดราคารับจำนำข้าวของรัฐบาล จากเดิม 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.เป็นต้นไป
นายธานินทร์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า การปรับลดราคารับจำนำดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทั้งราคาข้าวในตลาดโลกที่ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นตามที่มีการคาดการณ์ไว้ รวมไปถึงผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ และความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้รัฐบาลตัดสินใจปรับลดราคาการจำนำลง
ข้าวเปลือกเจ้า 100% ความชื้นไม่เกิน 15% ราคา 12,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เมล็ดยาว ความชื้นไม่เกิน 10% ราคา 12,800 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 2556 พร้อมทั้งจำกัดวงเงินการรับจำนำแต่ละครัวเรือนไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. 2556 เป็นต้นไป โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีการรับจำนำข้าวรวม 455,425 ไร่ มีข้าวที่ทำการเก็บเกี่ยวแล้ว 118,405 ตัน ยังเหลือข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวอีก 15,956 ตัน คิดเป็นร้อยละ 11.85
นายธานินทร์กล่าวต่อไปว่า การปรับลดราคาดังกล่าวเป็นการลดในส่วนของกำไรลง เนื่องจากเดิมในการตั้งราคาที่ 15,000 บาทนั้นรัฐบาลได้ตั้งราคาโดยประเมินผลกำไรที่ร้อยละ 60 แต่เมื่อดำเนินโครงการแล้วพบว่าส่งผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง จึงได้ปรับลดในส่วนของกำไรลง 20% ซึ่งวงเงินที่ชาวนาจะได้รับนั้นยังเป็นราคาที่ชาวนาไม่ประสบปัญหา เนื่องจากได้คำนวณต้นทุนต่างๆ ไว้ด้วยแล้ว
ส่วนการดำเนินการเพื่อรองรับการปรับลดราคารับจำนำนั้น จังหวัดได้ประสานให้นายอำเภอและเกษตรอำเภอทุกพื้นที่แจ้งต่อชาวนาให้เร่งทำการเก็บเกี่ยวและนำข้าวเข้าโครงการรับจำนำภายในวันที่ 30 มิ.ย.แล้ว ตามจุดรับจำนำทั้ง 19 จุดที่เปิดอยู่ในขณะนี้ ส่วนชาวนาที่ได้รับเงินค่าจำนำเกิน 500,000 บาทก่อนวันที่ 20 มิ.ย.จะได้รับเงินตามจำนวนโดยไม่มีการจำกัดวงเงินแต่อย่างใด ขณะที่ชาวนาที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำภายในวันที่ 30 มิ.ย. จะมีการหารือร่วมกันระหว่างชาวนากับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป
นายธานินทร์ระบุว่า การปรับลดราคารับจำนำข้าวถือเป็นความจำเป็นเพื่อรักษาวินัยการคลังและความเชื่อถือจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การปรับราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากในรอบการผลิตต่อไปราคาข้าวในตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถปรับเพิ่มราคารับจำนำได้อีก
ขณะเดียวกัน การรับจำนำนั้นถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ อีกทั้งชาวนายังได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงไม่ควรมองในเรื่องการขาดทุนเป็นหลัก
ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว ตัวแทนกลุ่มชาวนาได้นำเสนอข้อเรียกร้องของตนต่อทางจังหวัดด้วยเช่นกัน โดย นายจำรัส ลุมมา ประธานสมาพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน กล่าวว่า ชาวนาต้องการให้รัฐบาลคงราคาจำนำเดิมเอาไว้ รวมทั้งขอให้เดินหน้าทำโครงการรับจำนำข้าวต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่ให้ประโยชน์แก่ชาวนาอย่างแท้จริงและทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้
อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยกับการที่โครงการมีปัญหาการทุจริตหรือการบริหารจัดการ แต่กลับนำชาวนาไปเป็นเหยื่อโดยใช้การลดราคาซึ่งไม่เป็นธรรมต่อชาวนา โดยเฉพาะในส่วนที่จะเข้าโครงการไม่ทัน ทั้งนี้ หากเห็นว่าโครงการมีช่องโหว่ก็ควรดำเนินการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบมากกว่า
นอกจากนี้ยังไม่เห็นด้วยกับการรวมข้าวเปลือกเหนียวในการกำหนดราคารับจำนำใหม่ ทั้งที่ความเป็นจริงในขณะนี้ราคาข้าวเหนียวในท้องตลาดสูงกว่าราคาที่รัฐบาลรับจำนำ
ขณะที่นายสมาน ทัดเที่ยง ประธานเครือข่ายสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า การรับจำนำข้าวในความเป็นจริงนั้นจะไม่ได้ราคาตรงตามที่รัฐบาลประกาศเนื่องจากปัญหาในเรื่องของความชื้น ซึ่งถ้ารัฐบาลต้องการช่วยเหลือชาวนาควรให้การสนับสนุนในด้านการจัดหาลานตากหรือเครื่องอบไล่ความชื้น หรืออาจจะใช้วิธีตัดเรื่องของความชื้นออกไปหากยืนยันว่าจะต้องลดราคารับจำนำ โดยอาจจะรับจำนำที่ 12,000 บาทโดยไม่พิจารณาเรื่องความชื้น หรือปรับเกณฑ์การพิจารณาความชื้นที่มีผลต่อการประเมินราคาข้าวให้เอื้อต่อชาวนามากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากยืนยันว่าจะต้องพิจารณาเรื่องความชื้นของข้าวด้วย ซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่มีการนำเสนอมานั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้รับปากที่จะรวบรวมและเสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป