มหาสารคาม - ผู้ว่าฯ พาสื่อลงพื้นที่ตรวจสต๊อกข้าวในโรงสีป้องกันการทุจริต ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจการปรับลดราคาจำนำเหลือ 12,000 บาท ขณะที่ชาวนาเร่งนำข้าวเปลือกร่วมโครงการ 1.5 หมื่นก่อนหมดเขต
วันนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.มหาสารคามว่า นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมคณะอนุกรรมการข้าวจังหวัดมหาสารคาม นำคณะสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบสต๊อกข้าวที่โรงสีข้าวทองมหาสารคาม อ.เมือง ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 เพื่อตรวจสอบคุณภาพข้าวสารที่สีแปรสภาพแล้วในโกดังก่อนส่งมอบ และป้องกันการลักลอบไม่ให้มีการนำข้าวที่ไม่ได้คุณภาพมาเข้าร่วมโครงการ หรือเวียนเทียนข้าว ซึ่งไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
โดยภาพรวมโรงสีในจังหวัดมีข้าวที่สีแปรสภาพไปแล้วตามคำสั่งขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กว่า 30 ครั้ง ยังคงเหลือข้าวในสต๊อกที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 2 รอบกว่า 10,000 ตัน ซึ่งโรงสีจะทยอยสีแปรสภาพ และส่งมอบโกดังกลางต่อไป
นายนพวัชรกล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ประกาศปรับลดราคาจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท ได้สั่งการให้นายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องปรับลดราคาเพื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก และจากการคำนวณต้นทุนการผลิตข้าว เกษตรกรจะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากการลดราคาจำนำครั้งนี้แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนามหาสารคามต่างเร่งนำข้าวเปลือกที่เพิ่งเกี่ยวเสร็จมาเข้าโครงการที่จุดรับจำนำ เนื่องจากเกรงว่าหากมาช้าแล้วจะไม่ทันราคาตันละ 15,000 บาท
นางละมุน สีพงษ์ยิ่ง เกษตรกรบ้านวังไผ่ ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า รีบเกี่ยวข้าวมาเข้าโครงการ เพราะหากรอจนข้าวแก่เต็มที่ราคาจะเหลือตันละ 12,000 บาท ซึ่งข้าวที่นำมาจำนำมีค่าความชื้น 30% ทำให้ถูกหักค่าความชื้นเหลือตันละ 11,000 บาท ยังถือว่าโชคดีที่ยังพอได้ราคา เพราะหากว่าราคาข้าวเหลือตันละ 12,000 บาทก็แทบจะไม่มีกำไร เพราะต้นทุนการผลิตสูงขึ้น