ตร.บุรีรัมย์เตรียมส่งอัยการสั่งฟ้องคดีโจ๋บุกถล่ม ร.ร.บริบาล พรุ่งนี้

บุรีรัมย์ - รองผู้การฯบุรีรัมย์ เร่งตรวจสำนวนคดีกลุ่มโจ๋กว่า 10 คน ควงอาวุธมีดบุกถล่ม ร.ร.การบริบาล ก่อนส่งอัยการสั่งฟ้องพรุ่งนี้ พร้อมมั่นใจพยานหลักฐานมัดตัวเอาผิดผู้ก่อเหตุและผู้จ้างวานได้ ล่าสุด “ตี๋กิโล 7” หัวโจกพาแก๊งก่อเหตุถูกจับและส่งฝากขังแล้ว พร้อมเร่งล่าอีก 5 รายที่ยังหลบหนี

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ที่ดูแลรับผิดชอบคดี กลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าใช้อาวุธมีด บุกถล่มโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล ที่เปิดสอนหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาล หวังทำร้าย นายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังปฐมนิเทศนักศึกษาเพื่อเปิดทำการเรียนการสอนเป็นวันแรก เมื่อเช้าวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาได้เร่งตรวจสอบสำนวนคดีหลังพนักงานสอบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมานานเกือบ 2 เดือน ก่อนนำส่งอัยการจังหวัด เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.)

ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 13 ราย ในข้อหา “ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหะสถานหรืออาคารสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น,โดยไมมีเหตุอันควร ,โดยมีอาวุธ , พาอาวุธมีด และโดยใช้กำลังประทุษร้าย” ได้เข้ามอบตัวแล้ว 6 ราย จำนวนนี้ให้การเป็นประโยชน์ถูกกักตันไว้เป็นพยาน 2 ราย

ขณะที่ล่าสุด นายวิเชียร สมศักดิ์ หรือ “ตี๋กิโล 7” หัวโจกที่พากลุ่มวัยรุ่นไปก่อเหตุ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้แล้วที่ จ.นครราชสีมา และได้ถูกนำตัวส่งฝากขังที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ส่วนอีก 5 ราย ยังหลบหนีและอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวของเจ้าหน้าที่

ส่วนนายพสิทธิ์ ดาววัฒนะทรัพย์ หรือ ช่างวิน เจ้าของอู่เคาะพ่นสีและซ่อมรถยนต์ ผู้ต้องหาจ้างวานยุยงส่งเสริมให้กระทำผิด ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ยังถูกฝากขังที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผลัดที่ 5 ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนยังได้แจ้งข้อหา นายพสิทธิ์ หรือ ช่างวิน เพิ่มเติมอีก 2 ข้อหา คือ “พยายามฆ่า และซ่องโจร”

พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และอยู่ในความสนใจของสังคม เพราะเป็นการก่อเหตุอย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทางตำรวจจึงต้องเร่งรัดคดีเพื่อดำเนินคดีเด็ดขาดกับผู้ก่อเหตุและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว

“มั่นใจว่าพยานหลักฐานเพียงพอเอาผิดกับผู้ก่อเหตุและผู้จ้างวานได้อย่างแน่นอน ส่วนจะสั่งฟ้องหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานอัยการ” พ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าว