บุรีรัมย์ - กลุ่มโจ๋ก่อเหตุบุกถล่ม ร.ร.บุรีรัมย์บริบาลที่ยังหลบหนี 7 คน ผู้ปกครองได้ติดต่อจะพาตัวเข้าให้ปากคำ ตร.แล้ว 2 คน 18 มี.ค.นี้ ขณะ 3 รายถูก รปภ.ยิงบาดเจ็บออกจาก รพ.แล้ว 2 คน ตร.กันตัวไว้เป็นพยาน ส่วน “ช่างวิน” ผู้ต้องหาจ้างวานยังถูกคุมตัวในคุก ผู้การฯบุรีรัมย์ยันพยานหลักฐานมัดแน่นเอาผิดได้แน่นอน
วันนี้ (15 มี.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีกลุ่มวัยรุ่นเยาวชนกว่า 10 คน สวมหมวกไหมพรมปิดบังหน้าพร้อมอาวุธมีด บุกโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หวังทำร้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังปฐมนิเทศนักศึกษาก่อนเปิดเรียนวันแรก แต่ถูก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.)ยิงสกัดบาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย เมื่อเช้าวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา นั้น ล่าสุดผู้ปกครองของเยาวชนร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีอยู่จำนวน 7 คน ได้ติดต่อจะนำตัวเยาวชนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ในวันจันทร์ที่ 18 มี.ค.นี้แล้ว จำนวน 2 คน ส่วนที่เหลือยังไม่ได้รับการประสานจากผู้ปกครอง
ส่วนเยาวชนที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียน ยิงได้รับบาดเจ็บ 3 คน แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 2 คน แต่ยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจและจะได้กันตัวไว้เป็นพยาน สำหรับ นายท็อป (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาว ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา เยาวชนอีกรายที่ถูกจับกุมได้ในวันเกิดเหตุ และถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานโดยมีอาวุธและพยายามทำร้ายร่างกายโดยมีอาวุธ” ได้ถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจฯ แล้ว
ทางด้านนายพสิทธิ์ ดาววัฒนทรัพย์ หรือ “ช่างวิน” อายุ 45 ปี เจ้าของอู่ซ่อมและเคาะพ่นสีรถยนต์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาใช้จ้างวาน ยุยง ส่งเสริม กระทำผิด ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วน นายวิเชียร สมศักดิ์ หรือ “ตี๋กิโล 7” อายุ 29 ปี ชาว ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาอีกรายที่เข้ามอบตัวและให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้นำทีมกลุ่มวัยรุ่น เยาวชนไปก่อเหตุในวันดังกล่าวนั้น เบื้องต้นจากการสอบปากคำเยาวชนให้การยืนยันว่า นายวิเชียร ได้ร่วมก่อเหตุด้วยจริง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตั้งข้อหา เพราะยังไม่มีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่า เป็นผู้บงการจ้างวาน ตามที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง หรือ เพียงร่วมก่อเหตุ เท่านั้น
ทางด้าน พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ยืนยันว่า พยานหลักฐานที่ตรวจพบรวมถึงคำให้การของเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุเพียงพอเอาผิดกับ นายพสิทธิ์ฐานจ้างวานได้อย่างแน่นอน ซึ่งขณะพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้อง และ ขอฝากถึงผู้ปกครองของเยาวชนที่ยังหลบหนี ให้พาบุตรหลานที่ร่วมก่อเหตุเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพื่อที่จะได้กันตัวไว้เป็นพยาน แต่หากรายใดไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกแจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฎหมาย
