บุรีรัมย์ - ตร.เมืองบุรีรัมย์ออกหมายจับ “เจ้าของอู่” ผู้จ้างวานถล่ม ร.ร.บุรีรัมย์การบริบาลแล้ว พร้อมคุมตัว 1 ใน 3 โจ๋ถูก รปภ.ยิงสวนบาดเจ็บขณะยกแก๊งบุกถล่มโรงเรียนออกจาก รพ.ไปสอบปากคำเพิ่ม ส่วนกลุ่มที่ยังหลบหนีประสานผู้ปกครองให้พาเข้ามอบตัว ขณะผู้การบุรีรัมย์ยันเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทุกรายไม่มีเว้น
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (13 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ควบคุมตัวนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาว ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา 1 ใน 3 เยาวชนที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) โรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะยกพวกกว่า 10 คนสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า พร้อมอาวุธมีดบุกโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาล หวังเข้าไปทำร้ายนายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย ออกจากโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์เพื่อนำไปตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี
ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 รายยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าควบคุมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการหลบหนี สำหรับกลุ่มวัยรุ่นร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังผู้ปกครอง เพื่อให้พามามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว และหากให้การเป็นประโยชน์จะกันตัวไว้เป็นพยาน
ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ออกหมายจับเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์และซ่อมสีรถยนต์ใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกนายโสภณ การะสิรัมย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 8 บ้านพลวงน้อย ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน พลัส สีขาว หมายเลขทะเบียน บพ 2314 บุรีรัมย์ นำคนบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ได้ซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวานในการก่อเหตุอย่างอุกอาจครั้งนี้ให้เข้ามามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยเจ้าของอู่ดังกล่าวเป็นเจ้าของโรงเรียนซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งและคู่แข่งทางธุรกิจกับโรงเรียนบุรีรัมย์การบริบาลที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์กว่า 10 คนยกพวกบุกถล่มดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา หากข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น หากหลบหนีก็ให้ทำการออกหมายจับ เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีพฤติการณ์ก่อเหตุที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ส่วนผู้ก่อเหตุที่เป็นเยาวชนจะนำตัวส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ตามกระบวนการของกฎหมายเช่นเดียวกัน