xs
xsm
sm
md
lg

กฟผ.พาสื่อพิสูจน์รอยฟ้าผ่าสาเหตุไฟฟ้าภาคใต้ดับ 14 จังหวัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - รองผู้ว่าฯ กฟผ.นำสื่อพิสูจน์รอยฟ้าผ่าต้นเหตุทำไฟฟ้า 14 จังหวัดใต้ดับ พร้อมยืนยันเตรียมความพร้อมเพิ่มความมั่นคงไฟฟ้าในภาคใต้ เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นอีก ทั้งการเร่งสร้างความมั่นคงทั้งระบบ และการขยายโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่แกนนำต้านโรงไฟฟ้าเชื่อเป็นการปั่นกระแสเพื่อเร่งให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้

วันนี้ (26 พ.ค.) ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ประเทศไทย พร้อมนายสุธน บุญประสงค์ ผู้ช่วยผู้ว่าการปฎิบัติระบบส่ง กฟผ. ได้เปิดแถลงข่าวพร้อมนำคณะสื่อมวลชนเดินทางพิสูจน์ข้อเท็จจริงของสาเหตุปัญหาที่ทำให้ไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อเวลา 18.52 น. วันที่ 21 พ.ค.56 ที่ผ่านมาว่า เกิดจากฟ้าฝ่าเสา และสายไฟฟ้าแรงสูงที่บริเวณ ต.บ้านทาน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีไฟฟ้าจอมบึง ประมาณ 74 กิโลเมตร ที่เสาต้นที่ 200/3 โดยมีรอยที่ลูกถ้วยอย่างชัดเจน

ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องในระบบส่งไฟฟ้าภาคใต้ จึงต้องใช้เวลาในการแก้ไขหลายชั่วโมง เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้มีแหล่งผลิตไฟฟ้าน้อยกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชน จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางไปสู่ภาคใต้ รวมทั้งจำเป็นต้องเพิ่มการซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียมาเสริมระบบในคืนเกิดเหตุ คิดเป็นเงินประมาณ 12 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังต้องทำการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากที่มีทั้งหมดในภาคใต้อย่างเต็มกำลังเพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้โดยเร็ว จนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ สามารถจ่ายไฟให้ได้เกือบทั้งหมดในเวลา 23.37 น. วันเดียวกัน

นายธนา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นรวมร้อยละ 6 ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายฝั่งอันดามัน อย่าง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็ใช้ไฟฟ้ามากถึง 15% ของกำลังไฟฟ้าทั้งหมดในภาคใต้ ในขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพึ่งการส่งกระแสไฟฟ้าไปจากภาคกลางบางส่วน แต่ระบบส่งที่ส่งไฟฟ้าไปจากภาคกลางลงสู่ภาคใต้นั้น มีลักษณะเป็นคอขวดตามภูมิประเทศตั้งแต่ในช่วง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงไป จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้าค่อนข้างสูง

ดังนั้น ทาง กฟผ. จึงมีแนวทางในการพัฒนาโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้ และขยายระบบส่งเพิ่มขึ้น ได้แก่ การทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่จะนะ ชุดที่ 2 ขึ้นหนึ่งเท่าตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และจะเสร็จภายในปี 2557 นี้ นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการหาแหล่งผลิตโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งตรงนี้จะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม นอกจากนี้แล้ว ทาง กฟผ.ยังมีการดำเนินการปรับปรุง และขยายระบบส่งให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ในระยะยาวอีกด้วย

นายธนา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนั้นทาง กฟผ.มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหานับแต่นาทีที่เกิดเหตุโดยผู้ปฎิบัติงานของ กฟผ.ที่เกี่ยวข้องทุกคนทุกฝ่ายได้พยายามเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนทันที และได้ตั้งศูนย์สื่อสารภาวะวิกฤตเพื่อประสานงานในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าแห่งชาติ สำนักงานกลาง กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าภาคใต้ ต.ลำภูรา อ.เมือง จ.ตรัง ในทันที โดยมีนายวรพจน์ อินทร์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการภาคใต้ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ในการแก้ปัญหา จนสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เน้นย้ำกับทาง กฟผ.ถึงการรับมือต่อสถานการณ์ไฟฟ้าดับที่อาจจะเกิดขึ้นอีกว่า จะต้องดูแลระบบให้มีความมั่นคง การทำงานจะต้องไม่ซ้ำซ้อน ส่วนในแผนระยะกลาง และระยะยาว จะต้องมีการสำรวจ ปรับปรุงสายส่งที่ส่งไปยังภาคต่างๆ ทั่วประเทศให้มีความมั่นคง เพื่อรองรับการให้ไฟฟ้า รวมทั้งรองรับแหล่งผลิตจากใน และนอกประเทศ อีกทั้งในแผนการดำเนินงานที่มีอยู่แล้วอย่างสายส่งภาคไต้ให้เร่งรัดให้เร็วกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม กฟผ.มีแผนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้น เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ขนาด 710 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขนม จ.นครศรีธรรมราช และโรงไฟฟ้ากระบี่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ ที่กำลังอยู่ในช่วงทำประชาพิจารณ์ ซึ่งจะทำให้การผลิต และการใช้ไฟฟ้ามีความสอดคล้องกันมากขึ้น

น.ส.สุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล ฝ่ายวิชาการกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ แกนนำในการคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแก ของ กฟผ.เปิดเผยกรณีไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ว่า ที่ผ่านมา ข้อมูลของ กฟผ.ได้ระบุอย่างชัดเจนในวันที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีกของภาคใต้ เมื่อปี 2555 กฟผ. ได้สั่งลดกำลังผลิตโรงไฟฟ้าก๊าซจะนะ จ.สงขลา เหลือเพียง 65% โดยมีการผลิตไฟฟ้าป้อนระบบเพียง 247 เมกะวัตต์ จาก 710 เมกะวัตต์ เนื่องจากต้องการให้ผู้ใช้พลังงานในภาคใต้ใช้ไฟฟ้าที่เหลือจากภาคกลาง หลังจากมีปริมาณไฟฟ้าสำรองในภาคกลางเหลือใช้จำนวนมาก และ กฟผ.ต้องเปิดให้โรงไฟฟ้าไอพีพี ของเอกชนจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบก่อน เพราะตามสัญญาหากไม่ใช้ไฟฟ้า กฟผ.ก็ต้องจ่ายค่าไฟ ดังนั้น จึงต้องสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ.

น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้หลายฝ่ายมีความพยายามในการปั่นกระแสเพื่อเร่งให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินของเอกชนรอบใหม่ เพราะเป็นผลประโยชน์ในการถอนทุนของฝ่ายการเมืองและกลุ่มทุนธุรกิจค้าพลังงาน ดังนั้น บทบาทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังงานชาติ ควรสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีปฏิบัติการระดับประเทศเพื่อเป้าหมายที่วัดผลได้ในการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวม เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ และผลิตพลังงานที่มีศักยภาพ 17,000 เมกะวัตต์ ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถทำได้ทุกภาค

ที่สำคัญคือ ใช้งบประมาณต่ำกว่าการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ทุกประเภท ค่าไฟฟ้าก็จะลดลง หากเริ่มดำเนินการก็จะได้กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทันที โดยไม่ต้องใช้เวลานานเท่าการพลังงานเพื่อผลิตไฟฟ้าจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และไม่มีความขัดแย้งกับชุมชนในพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้า




กำลังโหลดความคิดเห็น