ตรัง - ส.ส.ประชาธิปัตย์ และประธาน กมธ.ตำรวจ จี้ รมว.พลังงาน และผู้ว่าฯ กฟผ.ลาออก ฐานปล่อยให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพราะไม่มีการวางระบบไว้ชัดเจน แถมยังให้ข่าวมั่วซั่ว
วันนี้ (24 พ.ค.) นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ทั้งในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อคืนวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน และนายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เหมือนกับผู้ที่บริหารระดับสูงในต่างประเทศกระทำกัน เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างมาก และสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุรุนแรง จนส่งผลต่อการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่อาจได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงดังกล่าว ถือเป็นความอ่อนไหวทางสถานการณ์ที่สำคัญมาก
นอกจากนั้น หลังจากเกิดเหตุในวันแรก รมว.พลังงาน และผู้ว่าฯ กฟผ. ต่างก็แถลงข้อสรุปถึงสาเหตุของการเกิดไฟฟัาดับไปในลักษณะที่แตกต่างกัน บ้างก็บอกว่าเกิดมาจากสถานีจ่ายไฟฟ้าลำภูรา จังหวัดตรัง บ้างก็บอกว่าเกิดมาจากสถานีจ่ายไฟฟ้าบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกระทั่งล่าสุด ก็ยังมีการบอกว่าเกิดมาจากสถานีจ่ายไฟฟ้าที่ จ.เพชรบุรี หรือแรกๆ ก็บอกว่าเป็นเพราะสายส่งหลุด แต่ต่อมาก็บอกว่า เป็นเพราะฟ้าฝ่า จนสร้างความสับสนให้แก่พี่น้องประชาชนในภาคใต้ที่ติดตามข่าวสารเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญก็คือ ในเมื่อภาคใต้ต้องพึ่งพากำลังไฟฟ้าเพียงแค่เล็กน้อย จากสถานีจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ภาคกลาง แต่ทำไมจู่ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงมีไฟฟ้าดับพร้อมกันทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ แทนที่จะดับเพียงแค่บางจุด และเมืองสำคัญในภาคใต้ ต่างก็สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้อยู่แล้ว แต่ทำไมจึงเกิดปัญหาไฟฟ้าดับยาวนานหลายชั่วโมง
“ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน และ กฟผ. มิได้เคยวางมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้เอาไว้เลย ซึ่งนอกจากผู้บริหารระดับสูงจะต้องลาออกจากตำแหน่งแล้ว นายกรัฐมนตรี จะต้องสั่งการให้มีการวางระบบไฟฟ้าในภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างน้อยถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจริงๆ จะต้องเหลือไฟฟ้าจ่ายไปยังหัวเมืองสำคัญ รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนข้ออ้างที่จะให้มีการแก้ปัญหาด้วยการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มในบางจังหวัดของภาคใต้ เช่น ตรัง กระบี่ นั้น ทาง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ เคยได้รับการหารือในเรื่องนี้จาก กฟผ.มาบ้างแล้ว แต่มิได้แสดงท่าทีเห็นด้วย หรือคัดค้าน พร้อมเสนอแนะผู้รับผิดชอบนำเสนอข้อมูลไปยังพี่น้องประชาชนในภาคใต้ให้ละเอียด ก่อนที่จะสรุปผลมายัง ส.ส.พื้นที่เพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ซึ่งถ้าหากสามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า มีผลดีมากกว่าผลเสียจริงๆ ก็คงไม่ขัดข้อง”