ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กฟผ. นำสื่อมวลชนขึ้น ฮ.พิสูจน์ความจริงฟ้าผ่าเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. บอกเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยันวางแผนเพิ่มความมั่นคงระบบไฟฟ้าในภาคใต้ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว
วันนี้ (26 พ.ค.) นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายสุธน บุญประสงค์ ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง กฟผ. นำสื่อมวลชนจากส่วนกลาง และในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 50 คน เดินทางทำข่าว และพิสูจน์ความจริงของปัญหาไฟฟ้าดับ โดยเกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุฟ้าผ่าเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงบริเวณ ต.บ้านทาน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีฟ้าจอมบึงประมาณ 74 กิโลเมตร เป็นผลทำให้เกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อเวลา 18.52-23.37 น. ของคืนวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายธนา กล่าวว่า กฟผ.มีความเสียใจอย่างยิ่งในปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้นิ่งนอนในใจในการแก้ไขปัญหา นับตั้งแต่ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ผู้ปฏิบัติงาน กฟผ.ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้เร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วนทันที พร้อมกับการตั้งศูนย์สื่อสารภาวะวิกฤตเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ สำนักงานกลาง กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าภาคใต้ ต.ลำภูรา อ.เมือง จ.ตรัง โดยมี นายวรพจน์ อินทร์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ เป็นผู้อำนวยการศูนย์เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ทั้งหมด โดยมีสื่อมวลชนให้ความสนใจในการทำข่าวเผยแพร่ให้ประชาชนทราบมาโดยตลอด ซึ่ง กฟผ.ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
สำหรับสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น จากตรวจสอบพบว่าเกิดจากปัญหาฟ้าผ่าเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงบริเวณ ต.บ้านทาน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีไฟฟ้าจอมบึง ประมาณ 69 กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดเหตุขัดข้องในระบบส่งไฟฟ้าภาคใต้ ซึ่ง กฟผ.ได้ดำเนินการแก้ไข และนำไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ และต้องใช้เวลากู้ระบบไฟฟ้าหลายชั่วโมง เนื่องจากในพื้นที่ภาคใต้มีแหล่งผลิตไฟฟ้าน้อยกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชน จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางไปสู่ภาคใต้ รวมทั้งจำเป็นต้องเพิ่มการชื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียมาเสริมระบบ ตลอดจนเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าในภาคใต้ทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้โดยเร็ว ซึ่ง กฟผ.สามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าตามพื้นที่ต่างๆ และจ่ายไฟฟ้าให้แก่ประชาชนในภาคใต้ทั้งหมดได้เมื่อเวลา 23.37 น.
รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 6 ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายฝั่งอันดามัน ขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพึ่งการส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางบางส่วน แต่ระบบส่งที่ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้มีลักษณะเป็นคอขวดตามภูมิประเทศในช่วง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้าค่อนข้างสูง
ดังนั้น กฟผ.จึงมีแนวทางในการพัฒนาโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้ และขยายระบบส่งเพิ่มขึ้น ได้แก่ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 2 ที่กำลังก่อสร้าง และจะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในปี 2557 และอยู่ระหว่างดำเนินการหาแหล่งผลิตไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งจะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมก่อน นอกจากนี้ กฟผ.ยังดำเนินการปรับปรุง และขยายระบบส่งให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าให้แก่พื้นที่ภาคใต้ในระยะยาวต่อไป
