นครราชสีมา - โคราชพบรถรับ-ส่งนักเรียนเถื่อนเกลื่อนเมืองกว่า 1,500 คัน ด้านขนส่งจังหวัดแนะผู้ปกครองใช้บริการรถรับ-ส่งที่จดทะเบียนถูกต้อง เพื่อป้องกันซ้ำรอยเด็กถูกลืมในรถ
วันนี้ (20 พ.ค.) นายชาติชาย ยุวชิต นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษ สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรถรับ-ส่งนักเรียนอยู่หลายลักษณะด้วยกันที่นำมาใช้ในการรับจ้างส่งนักเรียน มีทั้งรถตู้ รถสองแถว รถปิกอัพต่างๆ ซึ่งรถส่วนใหญ่เป็นรถที่เจ้าของรถทั่วไปนำมาดัดแปลงให้มีที่นั่งเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาวิ่งรับจ้างส่งนักเรียนเพื่อให้ตัวเองได้มีรายได้มาเลี้ยงชีพ ในจังหวัดครราชสีมา มีรถที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นปริมาณที่มาก ไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน
กรมการขนส่งเองก็ต้องออกระเบียบมารองรับเพื่อมาควบคุมจัดระเบียบให้มีมาตรฐานมีความปลอดภัย โดยการเปิดโอกาสให้รถเหล่านี้ยื่นขออนุญาตนำรถไปใช้รับจ้างเป็นการชั่วคราวครั้งละ 6 เดือน โดยคนที่มาขอคือ ผู้ที่เป็นเจ้าของรถจะต้องทำการปรับปรุง ดัดแปลงรถให้ถูกต้องมีมาตรฐาน ปลอดภัย โดยจะต้องติดไฟกะพริบทั้ง 4 ด้าน ติดเครื่องหมายรถรับ-ส่งนักเรียนทั้งหน้า และหลัง มีผู้ควบคุมนักเรียนขึ้น-ลง เพื่อความปลอดภัย มีถังดับเพลิง หรือค้อนทุบกระจก ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินก็สามารถให้ความช่วยเหลือนักเรียนได้ทัน
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า มาตรการสำหรับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนที่ไม่ได้มาตรฐานที่ยังผิดกฎหมายอยู่นั้น คงจะต้องมีการให้ความร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ทางสำนักงานขนส่งเอง ตำรวจ ผู้ปกครอง หรือตัวผู้ประกอบการเองก็มีส่วนที่เข้ามาช่วยกันแก้ไข ลำพังโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งก็คงไม่สามารถที่จะทำให้แล้วเสร็จได้
ส่วนหนึ่งที่อยากฝากคือ ให้ผู้ปกครองหันมาว่าจ้างรถที่ถูกกฎหมาย หรือได้มาตรฐานคือได้รับอนุญาตจากสำนักงานขนส่งก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้รถที่วิ่งอย่างผิดกฎหมายหมดไป ก็ควรพิจารณาในการว่าจ้างรถสักนิดว่ารถนั้นได้มาตรฐานหรือไม่ มีเบาะที่นั่งถูกต้องหรือเปล่า คันที่ไม่ปลอดภัยมีดัดแปลงรถที่ดูแล้วไม่ปลอดภัย ที่ส่งผลให้การขับการควบคุมที่จะทำให้รถตู้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ก็ให้หันไปว่าจ้างรถที่มีใบอนุญาตถูกต้องดีกว่า
ในส่วนของกรณีที่คนขับรถลืมเด็กไว้ในรถ คงจะเป็นในเรื่องของตัวของนักเรียนเอง หรือตัวของพนักงานขับรถเอง ซึ่งจะต้องดูแลเอาใจใส่ในการตรวจสอบเด็กนักเรียนซึ่งก็เป็นเรื่องประมาทเลินเล่อ เชื่อว่า ผู้ขับขี่รถ หรือเจ้าของรถเองก็คงไม่ได้ตั้งใจ แต่ขาดความเอาใจใส่ แต่สำนักงานขนส่งเองก็คงไม่มีอัตรากำลังพอที่จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในเชิงลึกได้ ก็คงต้องฝากให้ผู้ขับขี่รถ หรือทางโรงเรียนช่วยดูช่วยตรวจให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ในเรื่องรถขนส่งนักเรียนนั้น ขนส่งเองก็ได้มีการออกไปทำความเข้าใจกับโรงเรียนต่างๆ โดยจัดเป็นคณะทำงานขึ้นมา ประกอบด้วย สำนักงานขนส่ง ตำรวจ โรงเรียน รวมทั้งนักวิชาการเพื่อไปประชุมชี้แจงให้เข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบของรถรับ-ส่งนักเรียนมีช่องว่างที่สามารถทำให้ถูกต้อง โดยการมาขอจดทะเบียนกับทางขนส่งได้ ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสามารถป้องกันได้
วันนี้ (20 พ.ค.) นายชาติชาย ยุวชิต นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษ สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรถรับ-ส่งนักเรียนอยู่หลายลักษณะด้วยกันที่นำมาใช้ในการรับจ้างส่งนักเรียน มีทั้งรถตู้ รถสองแถว รถปิกอัพต่างๆ ซึ่งรถส่วนใหญ่เป็นรถที่เจ้าของรถทั่วไปนำมาดัดแปลงให้มีที่นั่งเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาวิ่งรับจ้างส่งนักเรียนเพื่อให้ตัวเองได้มีรายได้มาเลี้ยงชีพ ในจังหวัดครราชสีมา มีรถที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นปริมาณที่มาก ไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน
กรมการขนส่งเองก็ต้องออกระเบียบมารองรับเพื่อมาควบคุมจัดระเบียบให้มีมาตรฐานมีความปลอดภัย โดยการเปิดโอกาสให้รถเหล่านี้ยื่นขออนุญาตนำรถไปใช้รับจ้างเป็นการชั่วคราวครั้งละ 6 เดือน โดยคนที่มาขอคือ ผู้ที่เป็นเจ้าของรถจะต้องทำการปรับปรุง ดัดแปลงรถให้ถูกต้องมีมาตรฐาน ปลอดภัย โดยจะต้องติดไฟกะพริบทั้ง 4 ด้าน ติดเครื่องหมายรถรับ-ส่งนักเรียนทั้งหน้า และหลัง มีผู้ควบคุมนักเรียนขึ้น-ลง เพื่อความปลอดภัย มีถังดับเพลิง หรือค้อนทุบกระจก ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินก็สามารถให้ความช่วยเหลือนักเรียนได้ทัน
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า มาตรการสำหรับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนที่ไม่ได้มาตรฐานที่ยังผิดกฎหมายอยู่นั้น คงจะต้องมีการให้ความร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ทางสำนักงานขนส่งเอง ตำรวจ ผู้ปกครอง หรือตัวผู้ประกอบการเองก็มีส่วนที่เข้ามาช่วยกันแก้ไข ลำพังโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งก็คงไม่สามารถที่จะทำให้แล้วเสร็จได้
ส่วนหนึ่งที่อยากฝากคือ ให้ผู้ปกครองหันมาว่าจ้างรถที่ถูกกฎหมาย หรือได้มาตรฐานคือได้รับอนุญาตจากสำนักงานขนส่งก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้รถที่วิ่งอย่างผิดกฎหมายหมดไป ก็ควรพิจารณาในการว่าจ้างรถสักนิดว่ารถนั้นได้มาตรฐานหรือไม่ มีเบาะที่นั่งถูกต้องหรือเปล่า คันที่ไม่ปลอดภัยมีดัดแปลงรถที่ดูแล้วไม่ปลอดภัย ที่ส่งผลให้การขับการควบคุมที่จะทำให้รถตู้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ก็ให้หันไปว่าจ้างรถที่มีใบอนุญาตถูกต้องดีกว่า
ในส่วนของกรณีที่คนขับรถลืมเด็กไว้ในรถ คงจะเป็นในเรื่องของตัวของนักเรียนเอง หรือตัวของพนักงานขับรถเอง ซึ่งจะต้องดูแลเอาใจใส่ในการตรวจสอบเด็กนักเรียนซึ่งก็เป็นเรื่องประมาทเลินเล่อ เชื่อว่า ผู้ขับขี่รถ หรือเจ้าของรถเองก็คงไม่ได้ตั้งใจ แต่ขาดความเอาใจใส่ แต่สำนักงานขนส่งเองก็คงไม่มีอัตรากำลังพอที่จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในเชิงลึกได้ ก็คงต้องฝากให้ผู้ขับขี่รถ หรือทางโรงเรียนช่วยดูช่วยตรวจให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ในเรื่องรถขนส่งนักเรียนนั้น ขนส่งเองก็ได้มีการออกไปทำความเข้าใจกับโรงเรียนต่างๆ โดยจัดเป็นคณะทำงานขึ้นมา ประกอบด้วย สำนักงานขนส่ง ตำรวจ โรงเรียน รวมทั้งนักวิชาการเพื่อไปประชุมชี้แจงให้เข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบของรถรับ-ส่งนักเรียนมีช่องว่างที่สามารถทำให้ถูกต้อง โดยการมาขอจดทะเบียนกับทางขนส่งได้ ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสามารถป้องกันได้