ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตร.ภาค 4 เร่งล่าคนร้ายยิงปลัด อบจ. ขอนแก่น รอง ผบช.ภ.4 เผยแนวทางคลี่คลายคดีมุ่งปมสังหารเรื่องขัดผลประโยชน์ใน อบจ.เพียงประเด็นเดียว เร่งสอบปากคำผู้ใกล้ชิด และบุคลากรภายใน อบจ.ทั้งหมด พร้อมเตรียมสเกตช์ภาพคนร้ายเพื่อออกหมายจับอังคารนี้
จากกรณีคนร้ายบุกยิง นายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ขอนแก่น เสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านพักในหมู่บ้านคุ้มจอมพล เลขที่ 198/45 ถ.กสิกรทุ่งสร้าง 20 เขตเทศบาลนครขอนแก่น ตั้งอยู่ห่างจากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพียง 800 เมตร และอยู่ตรงข้ามกับบ้านพักของข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.ขอนแก่น และ บช.ภ.4 เพียง 500 เมตร ขณะกำลังถอยรถออกจากบ้านพักเพื่อไปทำงานที่ อบจ.ขอนแก่น ตามปกติ
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (4 พ.ค.) พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีที่ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นรวมทั้งหมด 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดสืบสวนจาก บก.สส.ภ.4 ชุดสืบสวน จาก บก.ภ.จว.ขอนแก่น และชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อสรุปผลการดำเนินงานครบ 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น
โดยเฉพาะการเรียกตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกจุดใกล้สถานที่เกิดเหตุในช่วงระยะเวลาก่อน และหลังเกิดเหตุการณ์ 1 ชั่วโมง รวมถึงการสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี กล่าวว่า ทีมสืบสวนสอบสวนได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับให้คลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบคนร้าย 3 คน ที่ใช้รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ แบบยกสูง หมายเลขทะเบียน หมวดจังหวัดขอนแก่น อักษร 3 ตัวนั้น จากพฤติกรรม และการรวบรวมพยานหลักฐานและการตรวจสอบที่เกิดเหตุของชุดพิสูจน์หลักฐานวิทยาการเขตที่ 23 สามารถที่จะระบุได้ว่า คนร้ายทั้ง 3 คน เชี่ยวชาญการทำงานในลักษณะเช่นนี้ และเป็นกลุ่มมือปืนรับจ้างต่างถิ่นที่ทำงานแบบมีใบสั่ง
เพราะจากการสอบปากคำพยานระบุว่า ไม่เคยพบรถคันดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ที่ก่อเหตุในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้เชื่อได้ว่า คนร้ายทำงานแบบเชี่ยวชาญทั้งในด้านอาวุธ เส้นทางหลบหนี และรับงานมาด้วยวิธีของการจดจำรูปพรรณสัณฐานของผู้เสียชีวิต และอาศัยจังหวะช่วงก่อนออกไปทำงานลงมือก่อเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดมีความชัดเจนว่า ก่อนจะลงมือก่อเหตุคนร้ายขับรถมาตามเส้นทาง ถ.ประชาสโมสร ก่อนที่จะเลี้ยวขวาผ่านที่ว่าการอำเภอเมืองขอนแก่น มาตามถนนกสิกรทุ่งสร้าง ขับผ่าน สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอนแก่น ผ่านบ้านพัก ผบช.ภ.4 และบ้านพักของข้าราชการตำรวจ ก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้ามาตาม ซ.กสิกรทุ่งสร้าง 20 และจอดรอผู้เสียชีวิต และอาศัยจังหวะช่วงถอยรถเสร็จ และเตรียมตั้งลำมุ่งหน้าไปทำงานยังสำนักงานของผู้ตาย จอดรถประกบ และพูดคุยกันไม่นานก่อนลงมือยิง
จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่า นายสุชาติ เสียชีวิตแล้ว จึงถอยรถกลับ และเลี้ยวขวาไปตาม ถ.กสิกรทุ่งสร้าง ไปทางบ้านดอนหญ้านาง และผ่านโรงพยาบาลค่ายศรีพัชรินทร์ อีกทั้งยังพบอีกว่า คนร้ายเป็นมืออาชีพยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ อายุประมาณ 30 ปี มีตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ปืนที่ใช้ก่อเหตุมี 2 กระบอก คือ ขนาด 9 มม. และปืนลูกโม่ขนาด .357
“จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านที่เกิดเหตุ เห็นพฤติกรรมของคนร้านชัดเจน ส่วนรายละเอียดทั้งทะเบียนรถ และหน้าตาคนร้ายจะต้องรอตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นไม่ชัดเจน ต้องรอความชัดเจนพยานหลักฐานจากกองพิสูจน์หลักฐาน รถที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถโตโยต้า วีโก้ ไฮเลนเดอร์ สีดำ ก่อนเกิดเหตุคาดว่าคนร้ายจะเข้ามาดูลาดเลาแล้ว 2 วัน จนรู้ว่าผู้ตายมีการเข้าออกบ้านพักแน่นอนเป็นเวลา”
พล.ต.ต.ศักดา กล่าวต่ออีกว่า ต้องขอความร่วมมือจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลเบาะแสต่างๆ แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคดี เนื่องจากผู้ตายเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด ส่วนแนวทางการสืบสวนสอบสวนได้ตัดประเด็นทั้งในเรื่องของธุรกิจ เรื่องการเมือง และเรื่องส่วนตัวออกทั้งหมด เหลือเพียงประเด็นของงานประจำที่ทำเท่านั้น
เพราะผู้ตายเป็นหัวหน้าส่วนราชการที่ใหญ่ที่สุด ใน อบจ.ขอนแก่น และเปรียบเสมือนแม่บ้านของ อบจ.ขอนแก่น ที่ต้องทำงานร่วมกับข้าราชการประจำกับข้าราชการการเมือง ซึ่งอาจจะขัดแย้งในเรื่องหนึ่งเรื่องใด
ซึ่งเรื่องนี้ต้องสอบปากคำผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา และคนสนิททั้งหมด รวมไปถึงการตรวจสอบโต๊ะทำงาน และเก็บเอกสารสำคัญมาตรวจสอบ เนื่องจากผู้ตายเป็นคนโผงผาง ทำงานเด็ดเดี่ยว และยึดมั่นในกฎระเบียบ ซึ่งอาจจะทำให้คนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ ซึ่งขณะนี้ได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าบ้านและในตัวบ้านทุกจุด อย่างไรก็ตาม ในวันอังคารที่จะถึงนี้ จะสามารถสเกตช์ภาพคนร้ายและเตรียมออกหมายจับได้
