ผู้ว่าฯ เชียงใหม่เรียก “โยธา-การท่าอากาศยาน” หารือ เล็งฟื้นแผนสนามบิน “แม่ออน-บ้านธิ”

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชิญโยธาธิการ-ผอ.ท่าอากาศยานหารือ เล็งฟื้นแผนสร้างสนามบินแห่งใหม่ ชี้เชียงใหม่เติบโต นักท่องเที่ยวมากแต่สนามบินปัจจุบันขยายยาก ต้องเตรียมแผนรองรับ ชี้เป็นเรื่องเก่าเคยคิดแล้วตั้งแต่ปี 44 เล็งใช้พื้นที่ “แม่ออน-บ้านธิ” ด้าน ผอ.ท่าอากาศยานชี้เป็นเรื่องดี หารือไว้แต่เนิ่นๆ เพราะโครงการใหญ่ต้องใช้เวลา คาดอีก 5 ปีเต็มศักยภาพรองรับ

วันนี้ (25 เม.ย.) นายวิชัย ขจรปรีดานันท์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และนางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมคณะ เข้าพบนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือเรื่องการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่

การหารือกันครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่มีข้อจำกัดหลายอย่าง และไม่สามารถขยายตัวเพื่อรองรับการเติบโตของผู้ใช้บริการได้ในอนาคต อีกทั้งปริมาณผู้ใช้สนามบินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบหลายปีที่ผ่านมาจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมหาลู่ทางสร้างสนามบินแห่งใหม่ขึ้น

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้หารือถึงพื้นที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัด ซึ่งเป็นที่ราบขนาดใหญ่ ซึ่งมีแนวคิดพัฒนาเป็นเมืองใหม่อยู่แล้ว รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงไปสู่จังหวัดใกล้เคียงได้ง่าย เนื่องจากอยู่ใกล้ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ขณะเดียวกันยังมีโครงสร้างพื้นฐานใกล้เคียง เช่น ถนนวงแหวน โดยที่ประชุมได้หารือถึงการเสนอให้เจ้าหน้าที่วิศวกรรม ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยมาศึกษาความเป็นไปได้ และความคุ้มค่าทางการลงทุนต่อไป

นายธานินทร์กล่าวว่า สนามบินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันตั้งอยู่ในพื้นที่ของหน่วยงานราชการ ขยายตัวได้ยาก และใกล้ถึงขีดจำกัดการรองรับผู้ใช้บริการแล้ว อีกทั้งรัฐบาลเคยอนุมัติให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินแห่งใหม่มาแล้วในปี 2544 ซึ่งในครั้งนั้นมีการศึกษาและเห็นว่า อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ และ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งมีอาณาเขตต่อเนื่องกัน เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ มีความเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมือง และปัญหาด้านงบประมาณ ทำให้ไม่ได้รับการสานต่อ ขณะที่ปัจจุบันปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในภาคเหนือ จึงจำเป็นต้องเตรียมการรองรับ ซึ่งการสร้างสนามบินแห่งใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติที่เมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลกทำกัน เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้บริการ รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัญหาการกระทบกับชุมชน

นายธานินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้แผนงานดังกล่าวยังสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล ที่มุ่งจะพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศทุกด้าน โดยเตรียมจะนำเรื่องเสนอให้รัฐบาลพิจารณาภายในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนงบประมาณจะใช้งบประมาณจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท

ด้านนางระวีวรรณกล่าวว่า การสร้างสนามบินจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่ใช่รอให้ถึงเวลาจำเป็นแล้วค่อยลงมือทำ ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่นั้น แม้จะยังมีความสามารถรองรับทั้งเครื่องบินและผู้ใช้บริการ แต่ก็พบว่ามีข้อติดขัดในแง่ของพื้นที่โดยรอบ ที่มีผลกระทบต่อส่วนอื่น เช่น ชุมชน การจราจร ที่สำคัญไม่สามารถที่จะขยายออกไปได้อีก

ขณะเดียวกัน ปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากความสามารถองรับผู้โดยสารประมาณ 6 ล้านคน ผู้ใช้บริการเพิ่มจากประมาณ 3 ล้านคนใน 2 ปีที่ผ่านขึ้นสู่ระดับ 5 ล้านคนแล้ว หากตัวเลขยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตจะเกินขีดความสามารถ โดยจากตัวเลขดังกล่าวมีการประเมินเบื้องต้นว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่จะยังสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีกประมาณ 5 ปีจะเต็มศักยภาพของสนามบิน

สำหรับพื้นที่เหมาะสมควรเป็นที่ราบขนาดใหญ่ตั้งแต่ 3,000 ไร่ขึ้นไป ไม่อยู่ใกล้ชุมชนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากระทบกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคงต้องพิจารณาความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ โครงการเช่นนี้ถือเป็นการดำเนินการในระยะยาว แต่ถือเป็นสิ่งจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ และการลงทุนในลักษณะนี้ แม้จะใช้เม็ดเงินมหาศาลแต่ก็ถือเป็นสินทรัพย์ที่ยังคงอยู่ และก่อให้เกิดประโยชน์ได้ในอนาคต