นครราชสีมา -น้ำอ่างใหญ่โคราชวิกฤตเหลือแค่ 32% เท่านั้น ด้านชลประทานเร่ง ปชส.ทุกภาคส่วนให้ช่วยกันประหยัดน้ำเพื่อต่อลมหายใจให้ถึงฤดูฝน ด้านลำน้ำจักราชตื้นมาก กรมเจ้าท่าส่งเรือดูดทรายเพื่อเพิ่มปริมาณเก็บน้ำ
วันนี้ (21 เม.ย.) โครงการชลประทานนครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางของจังหวัดนครราชสีมาว่า ล่าสุด อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ มีปริมาณน้ำรวม 306.36 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 32.66% ความจุที่ระดับเก็บกักรวม 938.12 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำสำคัญที่ใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปามีปริมาณน้ำเหลือน้อย และลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง
เช่น อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำเหลือ 82 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 26% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 314 ล้าน ลบ.ม., อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำ 25.13 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 22.92% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 109.63 ล้าน ลบ.ม. , อ่างเก็บน้ำลำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 39.26 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 27.84% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 141 ล้าน ลบ.ม. และ อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 109.23 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 39.72% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 275 ล้าน ลบ.ม. ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 22 โครงการ มีปริมาณน้ำรวม 80.57 ล้าน ลบ.ม. หรือ 35.54% ความจุที่ระดับเก็บกักรวม 226.74 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรใช้น้ำเพื่อการประปา อุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรม ฯลฯ อย่างประหยัดเพื่อให้ถึงฤดูฝนให้ได้
ขณะที่ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 8 สำนักงานและบำรุงรักษาทางน้ำ กรมเจ้าท่าได้นำเรือดูดทราย จำนวน 1 ลำ มาทำการดูดทรายในลำน้ำจักราช อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพื่อทำการแก้ไขปัญหาตื้นเขินของลำน้ำ เนื่องจากลำน้ำจักราช เป็นลำน้ำที่เชื่อมต่อกับเขื่อนสำคัญหลายเขื่อนในจังหวัดนครราชสีมา และยังเป็นแหล่งน้ำที่ประชาชนในอำเภอพิมาย ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค เนื่องจากแหล่งน้ำดังกล่าวตื้นเขิน
ศูนย์ส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์อำเภอพิมาย จึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมเจ้าท่า ให้นำเรือดูดทรายมาดูดทรายในบริเวณลำน้ำจักราช ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ และเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้อำเภอพิมายก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนกักเก็บน้ำเหลือเพียงไม่ถึง 5 แสน ลบ.ม. นอกจากนี้แล้ว ก็ได้ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องเกษตรกรให้งดการปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ไปก่อน จนกว่าจะมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเพียงพอต่อการเพาะปลูก
วันนี้ (21 เม.ย.) โครงการชลประทานนครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางของจังหวัดนครราชสีมาว่า ล่าสุด อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ มีปริมาณน้ำรวม 306.36 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 32.66% ความจุที่ระดับเก็บกักรวม 938.12 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำสำคัญที่ใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปามีปริมาณน้ำเหลือน้อย และลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง
เช่น อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำเหลือ 82 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 26% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 314 ล้าน ลบ.ม., อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำ 25.13 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 22.92% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 109.63 ล้าน ลบ.ม. , อ่างเก็บน้ำลำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 39.26 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 27.84% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 141 ล้าน ลบ.ม. และ อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 109.23 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 39.72% ของความจุที่ระดับกักเก็บ 275 ล้าน ลบ.ม. ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 22 โครงการ มีปริมาณน้ำรวม 80.57 ล้าน ลบ.ม. หรือ 35.54% ความจุที่ระดับเก็บกักรวม 226.74 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรใช้น้ำเพื่อการประปา อุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรม ฯลฯ อย่างประหยัดเพื่อให้ถึงฤดูฝนให้ได้
ขณะที่ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 8 สำนักงานและบำรุงรักษาทางน้ำ กรมเจ้าท่าได้นำเรือดูดทราย จำนวน 1 ลำ มาทำการดูดทรายในลำน้ำจักราช อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพื่อทำการแก้ไขปัญหาตื้นเขินของลำน้ำ เนื่องจากลำน้ำจักราช เป็นลำน้ำที่เชื่อมต่อกับเขื่อนสำคัญหลายเขื่อนในจังหวัดนครราชสีมา และยังเป็นแหล่งน้ำที่ประชาชนในอำเภอพิมาย ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค เนื่องจากแหล่งน้ำดังกล่าวตื้นเขิน
ศูนย์ส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์อำเภอพิมาย จึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมเจ้าท่า ให้นำเรือดูดทรายมาดูดทรายในบริเวณลำน้ำจักราช ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ และเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้อำเภอพิมายก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนกักเก็บน้ำเหลือเพียงไม่ถึง 5 แสน ลบ.ม. นอกจากนี้แล้ว ก็ได้ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องเกษตรกรให้งดการปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ไปก่อน จนกว่าจะมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเพียงพอต่อการเพาะปลูก