กาญจนบุรี - ฮือฮาอีก “หมอเณร” เอาอีก ร้องเพลงประชดรัฐเวอร์ชัน 2 ผ่าน “YOU Tube” ชื่อ “มรดกไทยหมอเณร 2” พร้อมประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2556 วันที่ 21 มีนาคม 2556 เรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม ค้นพบยาสมุนไพรสร้างภูมิ สามารถรักษาโรคร้ายให้หายได้แต่ถูกกีดกัน
คลิกเพื่อชมคลิป:
วันนี้ (25 มี.ค.) นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอยาสมุนไพรชื่อดัง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตัดสินใจออกมาเปิดโปงขบวนการกีดกันสมุนไพรไทยโบราณในครั้งนี้ เนื่องจากรู้สึกท้อเพราะตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ตนต้องต่อสู้กับหน่วยงานรัฐเพียงลำพัง มันรู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวัง ตนเสียดายที่จะต้องเลิกค้นคว้าหาตัวยาสมุนไพรใหม่ๆ เพื่อนำมารักษาโรคให้แก่ผู้ป่วยทั่วไป อีกทั้งได้ตัดสินใจประกาศขายสวนสมุนไพรแห่งนี้ที่มีประมาณ 100 ไร่ไปแล้ว ซึ่งตนได้แต่งเพลงมรดกไทย และเพลงชมสวนสมุนไพร นำไปลงไปใน you Tube เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ครั้งนั้นปรากฏว่า มีผู้คลิกเข้าไปชมนับหมื่นคน ถือว่าประสบความสำเร็จ และทำให้ตนเชื่อว่าผู้ที่เข้าไปชมต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับยาสมุนไพรไทย
ก่อนเลิก และเพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์แก่ตนเอง และยาสมุนไพร ล่าสุด ตนได้ตัดสินใจแต่งเพลง “วิกฤตจริยธรรม“” กับเพลง “ชมสวนสมุนไพรหมอเณร” ซึ่งได้นำไปลงใน you Tube ใช้ชื่อ มรดกไทย หมอเณร 2 แล้วเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2556 วันที่ 21 มีนาคม 2556 เรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม ค้นพบยาสมุนไพรสร้างภูมิ สามารถรักษาโรคร้ายๆ ให้หายได้ แต่ถูกหน่วยงานรัฐกีดกัน ทั้งนี้ ตนอยากฝากไปถึงรัฐบาลทุกๆ รัฐบาลว่า หากท่านยังเห็นความสำคัญของยาสมุนไพรไทยโบราณ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ขอให้เอาอย่างประเทศจีน ที่เขาแยกออกมาเป็นคนละส่วนกัน ระหว่างแพทย์แผนปัจจุบัน กับแพทย์แผนโบราณ ซึ่งประเทศจีนเขามีองค์กรสมุนไพรแห่งชาติ เขาจะไม่ไปยุ่งซึ่งกันและกัน และรัฐบาลเขาก็สนับสนุนทั้งสองฝ่าย การค้นคว้าก็ทางใครทางมันอย่างชัดเจน
รายงานข่าวว่า สำหรับแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2556 ลงวันที่ 21 มี.ค.นอกจากบทเพลงที่ หมอเณร แต่งเอง ร้องเอง ยังมีรายละเอียดอยู่ในเว็บไซต์ you Tube ดังนี้ “โรคหัวใจ รักษาด้วยยาสมุนไพร หายร้ายละ 70 โดยเฉพาะเครื่องกระตุ้นหัวใจไม่ต้องใช้ โรคเบาหวานเป็นแผลเน่า ในอนาคตถ้าใช้ยาสมุนไพร ไม่ต้องเป็นแผลเน่าอีกต่อไป และโรคไตวาย รักษาด้วยยาสมุนไพร หายร้อยละ 20 อาการดีขึ้นร้อยละ 40 ไม่ต้องฟอกไต
เรื่องยาสมุนไพรสร้างภูมิ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาตั้งแต่ตั้งกองแพทย์แผนไทยมาจนเป็นกรมพัฒนาแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ไม่ได้ดูแล และส่งเสริมแพทย์พื้นบ้าน แถมยังวางแผนล้มล้างมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังไปออกกฎระเบียบอีกว่า แพทย์พื้นบ้านต้องแจกยาฟรี ใครขายเป็นผู้ผิดกฎหมาย ถึงแม้จะค้นพบเรื่องสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลก ก็อ้างว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย เป็นการปิดกั้นภูมิปัญญาคนไทย มรดก ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาติให้ได้รับความเสียหาย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แพทย์พื้นบ้านเรียนสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยอาศัยตำราพระคัมภีร์โบราณ เป็นบรมครู ซึ่งในกรมแพทย์แผนไทยไม่มี คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้สร้างขึ้นด้วยญาณ เป็นผู้ที่อยู่เหนือมนุษย์เหนือเทวดา
ฉะนั้น การแพทย์สมุนไพรไทยโบราณยังคงเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติสืบต่อไป บางเรื่องมนุษย์ยังศึกษาไม่ถึงจะมารักษาหายด้วยยาสมุนไพรตำรับโบราณ จึงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ.2538 ชาวต่างชาติ มากว้านซื้อตำราการแพทย์สมุนไพรโบราณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบ จึงมีพระบรมราโชวาทว่า “สมบัติโบราณถือเป็นมรดก อันล้ำค่าของแผ่นดิน ให้ช่วยกันเก็บรักษาไว้ให้ดี ใครมีไม่ได้ใช้ให้ไปบริจาคที่หอสมุดแห่งชาติ” จึงมีผู้นำไปบริจาคจำนวนหนึ่ง บางส่วนอยู่กับแพทย์พื้นบ้าน กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยไปปิดกั้นหมอพื้นบ้าน ก็เท่ากับไปทำลายมรดกของชาติ ขัดต่อพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่ 30 กันยายน 2546 คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้สรุปผลการศึกษาออกมาว่า การแพทย์แผนปัจจุบันจะไม่เปิดกว้างให้การแพทย์แผนโบราณได้เกิดบ้าง ควรสนับสนุนการแพทย์แผนปัจจุบัน วิเคราะห์ วิจัย ส่วนการแพทย์แผนโบราณ ค้นพบยาสมุนไพรสำคัญๆหลายตัว แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน จนถูต่างชาติแย่งไปจดลิขสิทธิ์ จึงอยากขอให้แพทย์แผนปัจจุบันเปิดหูตาให้กว้างไกลขึ้น เรื่องเป็นแบบนี้จึงส่งผลต่อการแพทย์สมุนไพรไทยโบราณ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะตั้งเป็น “สมุนไพรแห่งชาติ” แบบประเทศจีน ให้แยกออกเป็นสัดส่วน ทางใคร ทางมัน ไม่อย่างนั้นหมอโบราณที่ค้นพบสมุนไพรสำคัญๆ ก็เกิดไม่ได้ ตามที่คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติสรุป มันเป็นเรื่องเสียหายไม่ใช่เรื่องดี วางกฎระเบียบไม่เป็นธรรม ขัดต่อการพัฒนา ส่งผลเสียหายต่อการแพทย์แผนโบราณ คือมรดกของชาติ ส่งผลเสียหายต่อมนุษยชาติด้วย
เราเคารพการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เรื่องจริงมันเป็นอย่างที่คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติสรุป ทางออกคือ ควรจะแยกออกเป็นสัดส่วน คือ ทางใครทางมัน จะได้ไม่เกิดการขัดแย้ง เราเคยบวชเป็นสามเณรตอนอายุ 15 ปี ออกธุดงค์ในป่าใหญ่ มีสัตว์ดุร้ายมากมาย เช่น เสือ ช้าง หมี งูพิษชนิดต่างๆ เรายังอยู่มาได้โดยปลอดภัย ไม่มีใครมาทำร้ายเรา เพราะเราต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เรียนวิชากว่าจะสำเร็จก็แสนจะลำบาก บางวันไม่ได้ฉันอาหาร เพราะนายพรานผู้ส่งอาหารป่วย ต้องเสกยอดใบไม้กินเป็นอาหาร บางครั้งเดินหลงป่า หิวน้ำแทบจะขาดใจตาย พอดีได้ยินเสียงคนตัดไม้อยู่ใกล้ๆ พยายามเดินตามเสียงไปจนถึง และขอน้ำฉันประทังชีวิตจึงรอดมาได้ บางครั้งถูกคนลองของ วางยาพิษให้เราฉัน แต่ด้วยเราคิดดีทำดี เลยแค่สลบแล้วฟื้นกลับมาได้ รอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์ ศึกษามาก็ลำบากมากพอแล้ว เรียนสำเร็จก็ต้องมาต่อสู้กับอำนาจรัฐมากว่า 20 ปี เราจึงขอประกาศขายที่ดิน สวนสมุนไพรทั้งหมด ถ้าขายได้เราจะเลิก เพราะชีวิตเราเดินอยู่บนเสี้ยนหนามที่แหลมคม ผิดพลาดคือ ความตาย
ดังนั้น เราจึงตัดสินใจแต่งเพลงร้องทิ้งไว้เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ พวกที่ต่อต้านเรา มีทั้งแพทย์ เภสัชกร พระ คนกลุ่มนี้ยึดอำนาจรัฐ รังแกประชาชน เราคนเดียวจะไปสู้เขาได้อย่างไร เรามีหลักฐานสำคัญที่กระบวนการพวกนี้ต่อต้าน วางแผนล้มล้างเรามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 ฯลฯ
นอกจากนี้ ท้ายรายละเอียดยังระบุอีกว่า คำเตือน “ผู้ไม่มีความรู้เรื่องแพทย์สมุนไพร กรุณาอย่าลงมาเล่น การแจกยาฟรีเพราะขบวนการนี้มีแผนแยบยล ลึกลับซับซ้อน มันเป็นเรื่องอันตรายต่อตัวเอง และผู้อื่น เหมือนดังตัวอย่างที่กล่าวมา”
คลิกเพื่อชมคลิป:
คลิกเพื่อชมคลิป: