xs
xsm
sm
md
lg

สสจ.เชียงใหม่ชี้หมอกควันรุนแรง เตือนสวมหน้ากาก-ดูแลสุขภาพ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่ชี้ปัญหาหมอกควันเริ่มรุนแรง เหตุความกดอากาศสูงกดหมอกควันคลุมพื้นที่แอ่งกระทะ ส่งผลค่าฝุ่นละออง-ดัชนีคุณภาพอากาศพุ่ง แนะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงงดออกกลางแจ้งส่วนประชาชนงดเล่นกีฬา-สวมหน้ากาก รับตัวเลขผู้ป่วยส่อแววเพิ่ม หลังหมอกควันหนาต่อเนื่อง คาดตัวเลขขยับเพิ่ม 20-50% ยันประสาน อปท.เตรียมศูนย์รองรับแล้ว หากต้องอพยพคนกลุ่มเสี่ยง

วันนี้ (22 มี.ค.) นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่าของ จ.เชียงใหม่ ว่าพบปริมาณหมอกควันปกคลุมมากขึ้น รวมทั้งมีปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความกดอากาศสูงที่เข้าปกคลุมพื้นที่ในช่วงนี้ ซึ่งทำให้มีอากาศหนาวเย็น และทำให้หมอกควันถูกกดไว้ในพื้นที่แอ่งกระทะและไม่กระจายตัว โดยเฉพาะอำเภอที่อยู่ในพื้นที่แอ่งกระทะ เช่น อ.เมือง อ.แม่ริม อ.สันทราย อ.สันกำแพง อ.หางดง เป็นต้น

สำหรับปริมาณค่า PM10 ที่ตรวจวัดได้ที่เชียงใหม่ในขณะนี้เพิ่มสูงถึงระดับ 210-220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม) ซึ่งถือเป็นระดับที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนในกลุ่มเสี่ยงแล้ว ขณะเดียวกันจากสถิติยังพบด้วยว่าช่วงบ่ายของวันตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณค่าโอโซนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้สถานการณ์ของจังหวัดในขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ค่า PM10 จะเพิ่มสูงจนถึงระดับ 230 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ซึ่งเป็นระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไป

นพ.วัฒนากล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ ได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยจัดเตรียมหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเบื้องต้นโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีหน้ากากพร้อมแจกจ่ายแห่งละ 3,000 ชิ้น มีสำรองไว้ที่ สสจ.ประมาณ 50,000 ชิ้น พร้อมกันนี้ขอแนะนำให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง ดูแลสุขภาพช่วงนี้ ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 4 โรค ประกอบด้วย โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคตา และโรคผิวหนัง ควรอยู่บ้าน งดเว้นการออกไปภายนอก จัดเตรียมยารักษาโรคหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม บุคคลทั่วไปควรเพิ่มความระมัดระวังในการอยู่ในพื้นที่โล่งหรือภายนอกบ้าน งดการออกกำลัง ซึ่งอาจทำให้ได้รับหมอกควันจำนวนมาก ใส่เสื้อผ้าแขนยาวเพื่อป้องกันร่างกาย สวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งอาจทำม่านน้ำหรือฉีดพ่นน้ำในบริเวณที่พักอาศัยเพื่อเพิ่มความชื้น

นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัด ให้จัดเตรียมห้องประชุมหรือศาลาประชาคม เป็นศูนย์รองรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ในกรณีที่หมอกควันทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะหากค่า PM10 สูงถึงระดับ 320 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง จะอพยพประชาชนและผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้าไปพักในศูนย์รับรอง ซึ่งจะมีเครื่องปรับอากาศ และติดตั้งม่านน้ำหรือเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำ ช่วยบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์

นพ.วัฒนากล่าวว่า จากการที่ค่าฝุ่นละอองและคุณภาพอากาศเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นแน่นอน จากเดิมที่มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเฉลี่ย 1,500 รายต่อวัน โดยข้อมูลล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1-21 มีนาคม พบว่าเชียงใหม่มีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงทั้ง 4 โรคอยู่ที่ 18,406 ราย จึงคาดว่าช่วงสัปดาห์หน้าตัวเลขผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเบื้องต้นได้ประมาณการไว้ว่าหากการออกแนะนำให้กับผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงเฝ้าระวังเรื่องสุขภาพ และจัดเตรียมยารักษาโรคในช่วงก่อนหน้านี้ได้ผล ตัวเลขผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 20 แต่หากผู้ป่วยหรือประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเตรียมตัวป้องกันสุขภาพ จำนวนผู้ป่วยอาจเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 ได้ ซึ่งในส่วนนี้ได้สั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมพร้อม รองรับผู้ป่วยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไว้แล้ว

ด้านรายงานข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจ.เชียงใหม่ ของกรมควบคุมมลพิษ ณ เวลา 11.00 น.วันนี้ (22 มี.ค.) พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยอยู่ที่ 205.65 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 137 ส่วนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 174.34 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 124 โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้ง 2 สถานีพบค่ามลพิษสูงเกินกว่าค่ามาตรฐาน ที่กำหนดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และดัชนีคุณภาพอากาศไม่เกิน 100 ซึ่งสถานการณ์คุณภาพอากาศของเชียงใหม่เวลานี้ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

คลิกเพื่อชมคลิป :








กำลังโหลดความคิดเห็น