ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รายงานสถานการณ์หมอกควันของกรมควบคุมมลพิษระบุ 21 มี.ค. ภาคเหนือคุณภาพอากาศแย่เข้าขั้นถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพเกือบทุกที่ มีแค่ จ.ตากที่เดียวที่ยังอยู่ระดับปานกลาง ส่วนแม่ฮ่องสอนหนักสุดถึงระดับอันตราย PM10 ถึงหลัก 400 ส่วนเชียงใหม่ค่า PM10 ถึงหลัก 200 แล้ว
วันนี้ (21 มี.ค. 2556) รายงายแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 21 มี.ค. 2556 พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 69-428 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงอันตราย ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าทุกสถานี
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่า โดยหากมีความจำเป็นต้องเผาจะต้องขออนุญาตจาก กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้ง และต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้ รวมทั้งให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ หรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครองจนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่น หรือลุกลามเข้าไปในเขตป่าโดยเฉียบขาด ขณะเดียวกันได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องแก่ประชาชน
นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษยังได้ประกาศข้อแนะนำด้านสุขภาพ โดยแนะนำให้เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากภาคราชการ และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์
สำหรับค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของ PM10 และ AQI ในภาคเหนือ ณ เวลา 09.00 น.วันที่ 21 มี.ค. 2556 พบว่า เกือบทุกสถานีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่นจังหวัดเชียงใหม่ ที่สถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 127 ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 135
จังหวัดลำปาง ที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง มีค่า PM10 อยู่ที่ 183 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 128 ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านสบป้าด อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 190 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 131 ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านท่าสี อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 178 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 126 ที่สถานีตรวจวัดอากาศการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 172 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 123
ส่วนที่จังหวัดพะเยา ที่สถานีตรวจวัดอากาศอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา มีค่า PM10 อยู่ที่ 169 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 122
ขณะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนพบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตราย โดยที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมือง มีค่า PM10 สูงถึง 428 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 310 ส่วนจังหวัดตากเป็นเพียงจังหวัดเดียวในพื้นที่ภาคเหนือที่คุณภาพอากาศยังอยู่ในระดับปานกลาง โดยที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาแม่สอด อ.แม่สอด มีค่า PM10 อยู่ที่ 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 68
วันนี้ (21 มี.ค. 2556) รายงายแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 21 มี.ค. 2556 พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 69-428 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงอันตราย ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าทุกสถานี
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่า โดยหากมีความจำเป็นต้องเผาจะต้องขออนุญาตจาก กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้ง และต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้ รวมทั้งให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ หรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครองจนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่น หรือลุกลามเข้าไปในเขตป่าโดยเฉียบขาด ขณะเดียวกันได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องแก่ประชาชน
นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษยังได้ประกาศข้อแนะนำด้านสุขภาพ โดยแนะนำให้เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากภาคราชการ และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์
สำหรับค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของ PM10 และ AQI ในภาคเหนือ ณ เวลา 09.00 น.วันที่ 21 มี.ค. 2556 พบว่า เกือบทุกสถานีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่นจังหวัดเชียงใหม่ ที่สถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 127 ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 135
จังหวัดลำปาง ที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง มีค่า PM10 อยู่ที่ 183 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 128 ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านสบป้าด อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 190 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 131 ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านท่าสี อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 178 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 126 ที่สถานีตรวจวัดอากาศการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 172 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 123
ส่วนที่จังหวัดพะเยา ที่สถานีตรวจวัดอากาศอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา มีค่า PM10 อยู่ที่ 169 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 122
ขณะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนพบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตราย โดยที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมือง มีค่า PM10 สูงถึง 428 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 310 ส่วนจังหวัดตากเป็นเพียงจังหวัดเดียวในพื้นที่ภาคเหนือที่คุณภาพอากาศยังอยู่ในระดับปานกลาง โดยที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาแม่สอด อ.แม่สอด มีค่า PM10 อยู่ที่ 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 68
