ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผวจ.เชียงใหม่ ชี้หมอกควันหนาทั้งเมืองต้นเหตุจากความกดอากาศสูงกดทับทำหมอกควันไม่กระจาย กับหมอกควันจากเพื่อนบ้าน แจงกำชับทุกหน่วยเข้มงวดตรวจตราอย่าให้มีการเผา พร้อมสั่ง อปท.ฉีดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น-ขอฝนหลวงทำฝนเทียมแล้ว แจงสถิติยังไม่น่าห่วงเชื่อถึงค่าเกินอีก 1-2 วันก็คลี่คลาย สวนทางตัวเลขค่า PM10 เชียงใหม่พุ่งเกิน 200 แถมยังไม่มีแววลด
วันนี้ (21 มี.ค.) นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการตังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ว่า การที่สภาพอากาศในวันนี้ดูขมุกขมัว และมีหมอกควันจำนวนมากนั้น น่าจะเป็นผลมาจากฟ้าหลัว และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในช่วงนี้ ซึ่งจะพบว่าช่วงเช้าจะมีอากาศเย็น แต่ในช่วงกลางวันอากาศร้อน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ความกดอากาศสูงกดทับในพื้นที่ และส่งผลให้หมอกควันไม่กระจายตัว ซึ่งในส่วนนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูสถานการณ์แล้ว
ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งการให้แต่ละอำเภอเร่งตรวจตรา และกำชับในพื้นที่ไม่ให้มีการเผา โดยเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอีกหนึ่งเดือนต่อไปจากนี้ ก็จะช่วยให้จังหวัดเชียงใหม่ผ่านพ้นสถานการณ์หมอกควัน และไฟป่าไปได้ พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานไปยังเทศบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ให้เปิดน้ำพุ หรือออกรดน้ำต้นไม้ดอกไม้ในพื้นที่ทั้งในช่วงเช้า และเย็นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นประจำแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในพื้นที่ชุมชน รวมถึงประสานไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงให้ขึ้นปฏิบัติการทำฝนเทียมในพื้นที่ด้วยอีกทางหนึ่ง
นายธานินทร์ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบข้อมูลสถิติต่างๆ เกี่ยวกับหมอกควันไฟป่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เกินจากค่ามาตรฐาน และยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยในส่วนของตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลต่างๆ จำนวนวันละ 2,000-3,000 คนนั้น ยังถือเป็นตัวเลขในระดับปกติ เพราะช่วงฤดูกาลนี้จะมีปริมาณผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในจำนวนนี้อยู่แล้ว อีกทั้งยังถือว่าต่ำกว่าตัวเลขผู้ป่วยในปีที่ผ่านมามาก นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาผลกระทบที่เกิดกับปอดของผู้ป่วยก็ยังไม่พบแต่อย่างใด ขณะที่ค่าคุณภาพอากาศก็ยังไม่เกินจากค่ามาตรฐาน ซึ่งถ้าในวันนี้ค่าเกินมาตรฐานแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
ทั้งนี้ นายธานินทร์ ระบุว่า การดำเนินงานของจังหวัดเน้นหนักไปที่การให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตรึงพื้นที่ให้ได้ กล่าวคือ ควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการเผา หรือหากมีการเผาเกิดขึ้นต้องเร่งดำเนินการดับไฟ ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานค่อนข้างได้ผล เพราะตั้งแต่เริ่มดำเนินการควบคุมการเผาตามมติของคณะรัฐมนตรี มีเพียงวันเดียวเท่านั้นทีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าหมอกควันมาจากแหล่งกำเนิดที่อยู่นอกพื้นที่ เช่น ในเขตประเทศเพื่อนบ้านทีไม่สามารถเข้าไปควบคุมพื้นที่บางส่วนได้ ซึ่งรัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ได้มีการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านในการดูแล และลดการเผาตามแนวชายแดนไปแล้วซึ่งก็ได้ผลพอสมควร อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังคงต้องดำเนินการต่อไป ทั้งการตรวจตรา และเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการเผา รวมทั้งการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือไม่เกิดเลย
การให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าแตกต่างกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งกรณีของสถิติคุณภาพอากาศที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวันนี้ ที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอนได้เพิ่มสูงถึงเกิน 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้ว เช่นเดียวกับดัชนีคุณภาพอากาศที่สูงเกิน 100 แล้วเช่นกัน อีกทั้งสถิติจากตัวชี้วัดทั้งสองนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะลดระดับลงแต่อย่างใด
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. ข้อมูลแบบ Real Time รายชั่วโมงในเว็บไซต์ www.aqmthai.com ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 211 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 139 ส่วนที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่า PM10 อยู่ที่ 229 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 147
วันนี้ (21 มี.ค.) นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการตังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ว่า การที่สภาพอากาศในวันนี้ดูขมุกขมัว และมีหมอกควันจำนวนมากนั้น น่าจะเป็นผลมาจากฟ้าหลัว และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในช่วงนี้ ซึ่งจะพบว่าช่วงเช้าจะมีอากาศเย็น แต่ในช่วงกลางวันอากาศร้อน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ความกดอากาศสูงกดทับในพื้นที่ และส่งผลให้หมอกควันไม่กระจายตัว ซึ่งในส่วนนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูสถานการณ์แล้ว
ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งการให้แต่ละอำเภอเร่งตรวจตรา และกำชับในพื้นที่ไม่ให้มีการเผา โดยเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอีกหนึ่งเดือนต่อไปจากนี้ ก็จะช่วยให้จังหวัดเชียงใหม่ผ่านพ้นสถานการณ์หมอกควัน และไฟป่าไปได้ พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานไปยังเทศบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ให้เปิดน้ำพุ หรือออกรดน้ำต้นไม้ดอกไม้ในพื้นที่ทั้งในช่วงเช้า และเย็นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นประจำแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในพื้นที่ชุมชน รวมถึงประสานไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงให้ขึ้นปฏิบัติการทำฝนเทียมในพื้นที่ด้วยอีกทางหนึ่ง
นายธานินทร์ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบข้อมูลสถิติต่างๆ เกี่ยวกับหมอกควันไฟป่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เกินจากค่ามาตรฐาน และยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยในส่วนของตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลต่างๆ จำนวนวันละ 2,000-3,000 คนนั้น ยังถือเป็นตัวเลขในระดับปกติ เพราะช่วงฤดูกาลนี้จะมีปริมาณผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในจำนวนนี้อยู่แล้ว อีกทั้งยังถือว่าต่ำกว่าตัวเลขผู้ป่วยในปีที่ผ่านมามาก นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาผลกระทบที่เกิดกับปอดของผู้ป่วยก็ยังไม่พบแต่อย่างใด ขณะที่ค่าคุณภาพอากาศก็ยังไม่เกินจากค่ามาตรฐาน ซึ่งถ้าในวันนี้ค่าเกินมาตรฐานแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
ทั้งนี้ นายธานินทร์ ระบุว่า การดำเนินงานของจังหวัดเน้นหนักไปที่การให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตรึงพื้นที่ให้ได้ กล่าวคือ ควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการเผา หรือหากมีการเผาเกิดขึ้นต้องเร่งดำเนินการดับไฟ ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานค่อนข้างได้ผล เพราะตั้งแต่เริ่มดำเนินการควบคุมการเผาตามมติของคณะรัฐมนตรี มีเพียงวันเดียวเท่านั้นทีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าหมอกควันมาจากแหล่งกำเนิดที่อยู่นอกพื้นที่ เช่น ในเขตประเทศเพื่อนบ้านทีไม่สามารถเข้าไปควบคุมพื้นที่บางส่วนได้ ซึ่งรัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ได้มีการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านในการดูแล และลดการเผาตามแนวชายแดนไปแล้วซึ่งก็ได้ผลพอสมควร อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังคงต้องดำเนินการต่อไป ทั้งการตรวจตรา และเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการเผา รวมทั้งการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือไม่เกิดเลย
การให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าแตกต่างกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งกรณีของสถิติคุณภาพอากาศที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวันนี้ ที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอนได้เพิ่มสูงถึงเกิน 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้ว เช่นเดียวกับดัชนีคุณภาพอากาศที่สูงเกิน 100 แล้วเช่นกัน อีกทั้งสถิติจากตัวชี้วัดทั้งสองนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะลดระดับลงแต่อย่างใด
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. ข้อมูลแบบ Real Time รายชั่วโมงในเว็บไซต์ www.aqmthai.com ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 211 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 139 ส่วนที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่า PM10 อยู่ที่ 229 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 147