ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ฝุ่นละอองเหนือฟ้าเมืองเชียงใหม่เข้าสู่ช่วงวิกฤต เฉียดเส้นมาตรฐานแล้ว ขณะที่ยอดผู้ป่วยทางเดินหายใจ-โรคเสี่ยง 4 กลุ่ม ถึง 15 มี.ค. พุ่งเป็นกว่า 1.2 พันราย พบ Hotspot สะสมเกือบ 400 จุด
วันนี้ (17 มี.ค.) นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านคุณภาพอากาศขอเชียงใหม่เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) มีค่าใกล้จุดวิกฤต โดยที่จุดตรวจวัดอากาศ ณ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบค่า PM10 สูงถึง 116 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม) ในขณะที่ค่า AQI อยู่ที่ 94 ส่วนที่จุดตรวจวัดอากาศ ณ ศาลากลางจังหวัดมีค่า PM10 และ AQI สูงเช่นกัน โดยวัดค่า PM10 ได้ 112 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และ AQI อยู่ที่ 95
ดังนั้น ขอความร่วมมือภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังสภาพอากาศไม่ให้เลวร้ายจนเข้าสู่ช่วงวิกฤต ที่มีค่ามาตรฐานเกินกำหนด คือ PM10 ต้องมีค่าไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ส่วนค่า AQI ต้องไม่เกิน 100 ซึ่งเข้าสู่ช่วงวิกฤตแล้ว และจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อจังหวัด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสุขภาพอนามัยของประชาชน ที่ต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ส่งผลต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ และกลุ่มโรคเสี่ยง 4 กลุ่มโรค (กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ) ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รายงานพบการป่วยด้วยโรคดังกล่าว ณ วันที่ 15 มีนาคม มีถึง 1,228 ราย
นายอดิศรกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ไฟป่าลดลงกว่าวันก่อนเล็กน้อย โดยวานนี้ (16 มี.ค.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รายงานการเกิดเหตุไฟป่า 18 แห่ง ใน 9 อำเภอ โดยพบมากที่สุดที่ อ.ดอยสะเก็ด 4 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 233 ไร่ โดยเกิดในป่าอนุรักษ์ 13 ครั้ง เสียหาย 188 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติ 5 ครั้ง เสียหาย 45 ไร่ ขณะนี้ดับได้หมดแล้วทุกแห่ง
สำหรับสถิตแจ้งเหตุเผาสะสมระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 16 มีนาคม ในพื้นที่ 22 อำเภอ 283 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 3,427 ไร่ แยกเป็นป่าอนุรักษ์ 180 ครั้ง เสียหาย 2,332.5 ไร่ ป่าสงวน 101 ครั้ง เสียหาย 1,084.5 ไร่ ข้างทาง 2 ครั้ง เสียหาย 10 ไร่ โดยอ.ชียงดาว มีสถิติการเผาป่ามากที่สุด 51 ครั้ง รองลงมาคืออ.แม่ออน 47 ครั้ง ส่วนจำนวนจุดความร้อน หรือ Hotspot สะสม 394 ครั้ง
วันนี้ (17 มี.ค.) นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านคุณภาพอากาศขอเชียงใหม่เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) มีค่าใกล้จุดวิกฤต โดยที่จุดตรวจวัดอากาศ ณ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบค่า PM10 สูงถึง 116 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม) ในขณะที่ค่า AQI อยู่ที่ 94 ส่วนที่จุดตรวจวัดอากาศ ณ ศาลากลางจังหวัดมีค่า PM10 และ AQI สูงเช่นกัน โดยวัดค่า PM10 ได้ 112 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และ AQI อยู่ที่ 95
ดังนั้น ขอความร่วมมือภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังสภาพอากาศไม่ให้เลวร้ายจนเข้าสู่ช่วงวิกฤต ที่มีค่ามาตรฐานเกินกำหนด คือ PM10 ต้องมีค่าไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ส่วนค่า AQI ต้องไม่เกิน 100 ซึ่งเข้าสู่ช่วงวิกฤตแล้ว และจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อจังหวัด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสุขภาพอนามัยของประชาชน ที่ต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ส่งผลต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ และกลุ่มโรคเสี่ยง 4 กลุ่มโรค (กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ) ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รายงานพบการป่วยด้วยโรคดังกล่าว ณ วันที่ 15 มีนาคม มีถึง 1,228 ราย
นายอดิศรกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ไฟป่าลดลงกว่าวันก่อนเล็กน้อย โดยวานนี้ (16 มี.ค.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รายงานการเกิดเหตุไฟป่า 18 แห่ง ใน 9 อำเภอ โดยพบมากที่สุดที่ อ.ดอยสะเก็ด 4 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 233 ไร่ โดยเกิดในป่าอนุรักษ์ 13 ครั้ง เสียหาย 188 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติ 5 ครั้ง เสียหาย 45 ไร่ ขณะนี้ดับได้หมดแล้วทุกแห่ง
สำหรับสถิตแจ้งเหตุเผาสะสมระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 16 มีนาคม ในพื้นที่ 22 อำเภอ 283 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 3,427 ไร่ แยกเป็นป่าอนุรักษ์ 180 ครั้ง เสียหาย 2,332.5 ไร่ ป่าสงวน 101 ครั้ง เสียหาย 1,084.5 ไร่ ข้างทาง 2 ครั้ง เสียหาย 10 ไร่ โดยอ.ชียงดาว มีสถิติการเผาป่ามากที่สุด 51 ครั้ง รองลงมาคืออ.แม่ออน 47 ครั้ง ส่วนจำนวนจุดความร้อน หรือ Hotspot สะสม 394 ครั้ง