ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่หมอกควันปกคลุมหนาตาหลายจุดแล้ว ส่วนค่า PM10 และ AQI เพิ่มขึ้นหลังหลายจังหวัดสถิติเพิ่มต่อเนื่องตลอดสัปดาห์-หลายที่ถึงขั้นกระทบสุขภาพ เฉพาะวันนี้ค่าฝุ่นละอองเชียงใหม่ขึ้นหลัก 100 แล้ว ด้านสาธารณสุขเร่งเตือนกลุ่มเสี่ยงดูแลสุขภาพ ระบุจัดเตรียมอุปกรณ์-สถานที่พร้อมรับมือแล้ว ส่วนศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงแจงยังไม่ทำฝนเทียมเหตุรอผู้ปลูกหอมกระเทียมเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อน แต่ถ้าสถานการณ์รุนแรงเตรียมทำลงมือทันที
หลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่มีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นอย่างเห็นได้ชัดในวันนี้ (15 มี.ค. 56) หลังจากที่ข้อมูลจากประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ของสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ได้ระบุว่าปริมาณฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือได้เพิ่มสูงขึ้นเกือบทุกสถานีในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับตัวเลขข้อมูลคุณภาพอากาศที่ตรวจวัดได้จากสถานีตรวจวัดในพื้นที่ภาคเหนือของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งระบุว่าสถานีหลายแห่งมีค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) สูงเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เช่นที่จังหวัดแพร่และจังหวัดลำปาง ซึ่งเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) มีค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนสูงถึงระดับ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่รายงานล่าสุดของสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ในวันนี้ (15 มี.ค.) แจ้งว่า จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 15 มี.ค. พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 101-219 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนปริมาณฝุ่นละอองลดลงกว่าวันก่อนหน้าเกือบทุกสถานี
โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ณ เวลา 09.00 น.วันที่ 15 มี.ค.ของจังหวัดเชียงใหม่นั้นพบว่า ที่สถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 90 ส่วนที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่า PM10 อยู่ที่ 103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 89 โดยทั้งสองแห่งคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง
ส่วนพื้นที่ภาคเหนือที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประกอบด้วยจังหวัดลำพูน ที่สถานีตรวจวัดอากาศสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน มีค่า PM10 อยู่ที่ 168 ไมโครกรัมต่อลุกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 121 จังหวัดลำปาง ที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านท่าสี อ.แม่เมาะ มีค่า PM10 อยู่ที่ 152 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 114 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมือง มีค่า PM10 อยู่ที่ 219 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 143 และที่จังหวัดแพร่ ที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาแพร่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 135 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 107
ทั้งนี้ จากการที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและสถานการณ์ปัญหาหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหารุนแรงนั้น ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการแจ้งเตือนไปยังกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังให้ดูแลรักษาสุขภาพและจัดเตรียมยารักษาโรคให้พร้อม เนื่องจากในสภาวะที่มีหมอกควันหรือค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงอาจส่งผลให้อาการของโรคกำเริบขึ้นได้
ส่วนของการเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาลและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ นั้น โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ทุกแห่งมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกรณีที่มีผู้ป่วยในช่วงดังกล่าวอยู่แล้ว ขณะที่การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นนั้นได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยล่วงหน้าไปยังอำเภอต่างๆ อำเภอละ 2,000 ชิ้น รวมทั้งมีการสำรองหน้ากากอนามัยไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เพื่อแจกจ่ายเพิ่มเติมหากมีการร้องขอ รวมจำนวนหน้ากากอนามัยที่จัดเตรียมไว้ในเบื้องต้นประมาณ 1 แสนชิ้น
สำหรับสถิติผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจของจังหวัดเชียงใหม่นั้น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ในภาพรวมมีสถิติใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยมีการเพิ่มขึ้นและลดลงเป็นช่วงๆ ตามสภาพอากาศและพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงมาจากปัญหาหมอกควัน แต่ทั้งนี้ในกรณีที่เกิดปัญหาหมอกควัน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
ด้านนายทรง กลิ่นประทุม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่าของภาคเหนือว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ที่เพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นแนวโน้มต่อเนื่องหลังจากที่หลายพื้นที่พบค่า PM10 และ AQI เพิ่มขึ้นในช่วง 2- 3 วันที่ผ่านมา ส่วนจังหวัดเชียงใหม่นั้นคุณภาพอากาศยังไม่เกินกว่ามาตรฐานแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากข้อมูลตลอดช่วงระยะเวลาเฝ้าระวังที่ผ่านมา จะพบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศเกินกว่ามาตรฐานเพียงวันเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่พอสมควร
นายทรงกล่าวต่อไปว่า สำหรับการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือนั้น มีการจัดชุดเฝ้าระวังคอยติดตามข้อมูลและสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และเมื่อมีการเปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบนขึ้น ก็จะมีการติดตามตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งถ้าหากพบว่าสถานการณ์หมอกควันและไฟป่ามีความรุนแรง ก็จะดำเนินการทำฝนเทียมเพื่อให้ความช่วยเหลือทันที
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้จะยังไม่มีการดำเนินการทำฝนเทียมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงรอยต่อของการเว้นระยะ เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกหอมและกระเทียมได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มดำเนินทำฝนเทียมเมื่อพ้นระยะดังกล่าวไปแล้ว แต่ทั้งนี้หากสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่มีความรุนแรงต่อเนื่องมากขึ้น ก็จะมีการพิจารณาร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการทำฝนเทียมเพื่อบรรเทาสถานการณ์หรือไม่ต่อไป