ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สถานการณ์หมอกควันเชียงใหม่เริ่มหนักหลังค่า PM10 เกินมาตรฐานแล้ว เฉพาะวันแรกของเดือนมีนาค่า ฝุ่นพุ่งเกิน 120 ไมโครกรัม ด้านทรัพยากรจังหวัดแจงค่า Hotspot การเผาในพื้นที่ยังไม่เท่าปีที่ผ่านมา ชี้ความกดอากาศสูง พื้นที่ใกล้เคียงฝุ่นละอองสูง มรสุมจากกัมพูชาหอบหมอกควันเข้าพื้นที่เป็นปัจจัยทำค่า PM10 เพิ่ม
หมออกควันยังคงปกคลุมหนาแน่นในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ (2 มี.ค. 2556) ขณะที่ปริมาณค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ของจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว หลังจากที่ค่า PM10 ที่ตรวจวัดได้จากสถานีตรวจวัดอากาศทั้ง 2 แห่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่สูงเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.)
โดยที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่าเฉลี่ย PM10 สูงถึง 122 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าเฉลี่ย PM10 อยู่ที่ 112 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเกินกว่าค่ามาตรฐานแล้ว ขณะที่ในวันนี้ (2 มี.ค.) พบว่า ปริมาณค่า PM10 ที่ตรวจวัดได้จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อยู่ที่ 112 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 2 มี.ค.2556 ของกรมควบคุมมลพิษแจ้งว่า พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 39-128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมกันนี้ กรมควบคุมมลพิษยังได้แนะนำให้เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หรือหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรสวมหน้ากาก หรือใช้ผ้าปิดจมูก
นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า หลังจากที่ปริมาณค่า PM10 ของจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มสูงจนเกินค่ามาตรฐานแล้วนั้น ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่องแล้ว โดยสาเหตุที่คาดว่าเป็นปัจจัยทำให้ปริมาณค่า PM10 สูงเกินค่ามาตรฐานนั้น ประกอบด้วย 1.การที่พื้นที่ใกล้เคียงจังหวัดเชียงใหม่หลายจุดมีปริมาณค่า PM10 เกินค่ามาตรฐานมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ที่จังหวัดลำปาง และลำพูน 2.การที่มรสุมตะวันออกเฉียงใต้จากประเทศกัมพูชาเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งในเส้นทางที่มรสุมพัดผ่านนั้นพบว่า มีปริมาณ Hotspot จำนวนมาก เช่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 3.ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมอยู่ในพื้นที่ซึ่งส่งผลให้หมอกควันถูกกดทับ และไม่กระจายตัว
นายกมลไชย กล่าวต่อไปว่า ส่วนในพื้นที่ของจังวัดเชียงใหม่นั้นแม้จะมีการพบ Hotspot และการเผาในที่โล่ง แต่ยังไม่มีรายงานการเผาในระดับรุนแรง หรือไฟไหม้ป่า อีกทั้งปริมาณ Hotspot ที่พบก็ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในขณะนี้จึงต้องพิจารณาสถานการณ์ต่อไปว่าหมอกควันที่เพิ่มมากขึ้นในขณะนี้จะมีปริมาณเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องไปมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม หากในพื้นที่เกิดพายุฤดูร้อนตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือน ปริมาณค่า PM10 ที่เกินค่ามาตรฐานอยู่ก็น่าจะลดลง อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนให้งดเว้นการเผาโดยเด็ดขาดเพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งนี้ นายกมลไชยระบุว่า ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ จะมีการจัดประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 4 มี.ค. ที่จะถึงนี้ โดยมีนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน โดยประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือกันคือ การเตรียมพร้อมรับสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในช่วงกลางเดือน มี.ค. จนถึงกลางเดือน เม.ย. ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ปัญหาหมอกควัน และไฟป่ามีความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนจะเร่งทำการเผาเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำการเกษตรก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์