แม่ฮ่องสอน - หมอกควันพุ่งติดต่อกัน 2 วัน ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัดฯ ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ 7 อำเภออย่างใกล้ชิด
จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า วันที่ 2-3 มีนาคมที่ผ่านมามีปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 125 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวันที่ 3 มีนาคม 2556 ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 151 ไมโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล แพทย์สาธารณสุข จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองไม่เกิน 10 ไมครอน ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 125 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัญหาหมอกควันในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
ด้านนางนฤมล ปาลวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มอบหมายความรับผิดชอบติดตาม เร่งรัด กำกับควบคุมดูแลการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบไปด้วย นายทวีศักดิ์ วัฒน์ธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
นายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอขุนยวม และอำเภอแม่ลาน้อย พ.อ.วระยุทธ กวยะปาณิก รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอสบเมย และอำเภอแม่สะเรียง
นายบุญเสริม จิตเจนสุวรรณ ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับผิดชอบในพื้นที่ปายและอำเภอปางมะผ้า มีหน้าที่ติดตามเร่งรัดกำกับควบคุมดูแลการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอก ควันในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ติดตามประเมินสถานการณ์ด้านไฟป่าในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อให้คำปรึกษาการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน และติดตามการจัดทำรายงานผลการดำเนินการป้องกันและควบคุมไฟป่าในเขตพื้นที่ รับผิดชอบจากศูนย์ปฏิบัติการระดับอำเภอ เพื่อเสนอผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ หมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากส่วนควบคุมไฟป่าระบุว่า ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2556 ตรวจพบ HotSpot ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่ป่าอนุรักษ์จำนวน 82 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 39 จุด พื้นที่ทางการเกษตรกรรมจำนวน 7 จุด
